ตามรอยคดีสยอง ผีหัวขาดเขย่ากรุง หนุ่มอิตาลีฆ่าตัว สะพานพระราม8


สร้างความปั่นป่วนไปทั้งเมืองกรุงกับศพผีหัวขาด ที่ห้อยต่องแต่งอยู่กลางสะพานพระราม 8 แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กทม. เมื่อบ่ายวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ซึ่งเป็นศีรษะของชาวต่างชาติที่แขวนอยู่กลางเมืองกรุงอย่างสยดสยอง!!!

ตำรวจน้อยใหญ่แทบทุกระดับถึงกับนั่งไม่ติด เพราะเบื้องแรกสงสัยว่าจะเป็นคดีฆาตกรรมของมาเฟียข้ามชาติ ที่อาจจะเลียนแบบ "แก๊งลูกหมู" มาเฟียจีนแผ่นดินใหญ่ ที่นิยมก่อเหตุฆ่าหั่นศพ ที่เคยระบาดเมื่อหลายปีก่อน

ที่สำคัญช่วงนี้อยู่ในบรรยากาศการประชุมผู้นำอาเซียน ซึ่งมีแขกวีไอพีนานาชาติ และสื่อมวลชนต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมาร่วมงานอีกด้วย

รวมไปถึงเป็นการทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวเมืองไทยที่ทรุดอยู่แล้วจากปัญหาสารพัดม็อบ โดยเฉพาะม็อบบุกยึด-ปิดสนามบินเมื่อปลายปีที่แล้ว จนนักท่องเที่ยวเข็ดขยาดไม่กล้ามาเที่ยวเมืองไทย จนรายได้หดหายไปมหาศาล

ตำรวจจึงต้องระดมทีมสืบสวนจากหลายหน่วยงานเข้ามาคลี่คลายคดีนี้

เพราะถ้าหากเป็นการฆาตกรรม จักถือว่าเป็นคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญและอุกอาจที่สุดคดีหนึ่งที่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย ที่ฆ่าแล้วนำศีรษะมาแขวนประจานกันแบบนี้!??

อย่างไรก็ตาม ในเวลาอันสั้นตำรวจไทยก็สามารถคลี่คลายคดีนี้ได้

และโล่งอกไปตามๆ กัน เมื่อหลักฐานต่างๆ ชี้ว่าเป็นการฆ่าตัวตายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ตกอับ และเครียดกับปัญหาส่วนตัว

แม้การฆ่าตัวตายครั้งนี้จะสั่นประสาทอย่างยิ่ง แต่ก็ยังดีกว่าเป็นคดีฆาตกรรมโหด!??

จุดเริ่มของคดีนี้เกิดขึ้นอย่างตื่นตระหนก เมื่อตำรวจได้รับแจ้งเหตุพบศีรษะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผูกกับเชือกห้อยอยู่กลางสะพานพระราม 8

ที่เกิดเหตุอยู่ช่วงกลางสะพาน
พบเชือกไนลอนสีขาวขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซ.ม. ลักษณะคล้ายเชือกสำหรับปีนเขา ผูกติดกับราวสะพานด้านล่าง ทิ้งปลายอีกด้านหนึ่งลงไปใต้สะพาน ประมาณ 5 เมตร

ปลายอีกด้านเป็นศีรษะชายชาวต่างชาติ ไม่ทราบสัญชาติ ผิวขาว ไว้ผมทรงสกินเฮด อายุประมาณ 50 ปี เชือกผูกติดกับหนังคอใต้หูด้านซ้ายของผู้ตาย มีถุงผ้าร่มสีขาว สกรีนยี่ห้อ puma สีเขียว ส่วนอีกด้านสกรีนคำว่า Camera porta vesovo ผูกติดไว้กับเชือกเหนือศีรษะที่แขวนอยู่



ลักษณะของเงื่อนที่ผูกคอเป็นลักษณะที่นักปีนเขานิยมทำกัน!??

แพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง

บริเวณบนราวสะพานพบตัวหนังสือภาษาอังกฤษเขียนด้วยเมจิกสีบรอนซ์เงิน ว่า "CATH" (แคท) "I want but I can not." (ฉันต้องการแต่ฉันกลับไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ) และ "I came to bangkok to be you." (ฉันมากรุงเทพเพื่อพบคุณ)!??

บริเวณที่เกิดเหตุไม่พบส่วนลำตัว ทำให้ช่วงแรกเจ้าหน้าที่เชื่อว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรม ที่คนร้ายสังหารเหยื่อแล้วตัดศีรษะนำมาแขวนประจาน ลักษณะคล้ายมาเฟียจีนแก๊งลูกหมู ที่นิยมฆ่าหั่นศพแล้วทิ้งประจานเพื่อขู่ให้คนอื่นกลัว

โดยลักษณะใบหน้าศพดูแล้วคล้ายกับชาวรัสเซีย หรือยุโรปตะวันออก ยิ่งทำให้ตำรวจสงสัยถึงกลุ่มมาเฟียรัสเซียที่มีอยู่ในเมืองไทยด้วยเช่นกัน!??

แต่เพราะหลักฐานมีน้อยนิดยิ่ง แถมกล้องวงจรปิดบนสะพานที่มีถึง 6 ตัว กลับใช้การไม่ได้เนื่องจากอยู่ระหว่างซ่อมแซม ทำให้ตำรวจยิ่งมึนมากขึ้น

ทางเดียวที่ทำได้คือเผยแพร่ภาพใบหน้าไปตามสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยกระจายภาพ เผื่อจะมีใครรู้จักกับเหยื่อ

พร้อมประสานกับตำรวจหลายหน่วยงาน อาทิ ตำรวจท่องเที่ยว กองปราบปราม สน.ชนะสงคราม ศูนย์สืบสวนบช.น. ที่ได้รับคำสั่งให้ส่งมือสืบสวนชั้นยอดเข้ามาร่วมทีมเฉพาะกิจครั้งนี้

เจ้าหน้าที่นำภาพออกหาข่าวตามแหล่งของนักท่องเที่ยวแถบยุโรปเพื่อหาเบาะแส ทั้งถ.ข้าวสาร ซอยนานา ซอยคาวบอย และพัฒน์พงษ์

วันรุ่งขึ้นตำรวจได้หลักฐานเพิ่ม เมื่อพบร่างปราศจากหัวลอยขึ้นอืดอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้กับสะพานพระราม 8 สภาพศพมีเพียงลำตัวสวมเสื้อแขนยาวสีขาว นุ่งกางเกงผ้าหูรูดสีดำลายขาว สวมรองเท้าผ้ากีฬายี่ห้ออาดิดาส ในตัวพบเพียงกล่องไม้ขีดไฟตราพญานาค ผ้าเช็ดหน้าสีขาวอยู่กระเป๋ากางเกงด้านซ้าย ส่วนหลักฐานอื่นไม่พบ



เจ้าหน้าที่พิสูจน์แล้วพบว่าเป็นศพเดียวกันกับหัวที่ถูกแขวนเอาไว้!!!

พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ผบก.ท่องเที่ยว กำชับลงมาเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้ตายเป็นชาวต่างชาติ แถมยังตายอย่างสยองขวัญสั่นประสาทอีกด้วย

เมื่อพบท่อนร่างกายทำให้คดีนี้แยกไปอีกประเด็นคือการฆ่าตัวตาย!??

โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานพบคราบเลือดบริเวณใต้สะพานใกล้จุดที่พบศีรษะ
ลักษณะเลือดกระเซ็นขึ้นด้านบน บวกกับการตรวจศีรษะและร่างกายของศพไม่พบร่องรอยการทำร้าย

อีกหนึ่งหลักฐานที่เชื่อมกับข้อสันนิษฐานนี้คือรอยแผลบริเวณลำคอที่ถูกตัด มีลักษณะไม่เรียบ ไม่คล้ายกับใช้ของมีคมตัดขาดจากลำตัว

ข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่เป็นไปได้ว่าผู้ตายกระโดดลงมาจากสะพาน แรงดึงของเชือกบวกกับน้ำหนักตัวทำให้เกิดการกระชากอย่างรุนแรงจนเชือกบาดลำคอขาด

แต่สิ่งที่ตามมาก็คือผู้ตายผูกคอแล้วกระโดดลงมาเอง หรือมีใครบังคับให้กระโดด หรือจับโยนลงมากันแน่!??

พร้อมกันนี้ ตำรวจดูจากหลักฐานเท่าที่มีอยู่คือถุงพลาสติกที่พบห้อยอยู่ติดกับศีรษะ ตรวจดูตัวหนังสือที่สกรีนเอาไว้พบว่าเป็นชื่อโรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี

เช่นเดียวกับเสื้อผ้าที่ผู้ตายสวมใส่เป็นยี่ห้อของประเทศอิตาลีเช่นกัน

เบื้องต้นจึงอนุมานได้ว่าน่าจะเป็นชาวอิตาลี

พร้อมกันนี้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. สั่งการให้พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผบ.ตร. เข้ามาดูแลคดีนี้อย่างใกล้ชิดและกำชับให้เร่งคลี่คลายคดีโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบภาพพจน์ของประเทศมากไปกว่าที่เป็นอยู่

เบาะแสที่เชื่อว่าน่าจะเป็นชาวอิตาลี ทำให้ตำรวจประสานกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสอบนักท่องเที่ยวชาวอิตาลีในเมืองไทย และในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ก็พบรายหนึ่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกับศพ คือนายจิโอวานนี่ เกียต้า ชาวอิตาลี อายุ 49 ปี เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

นายจิโอวานนี่ เข้าพักในโรงแรมเร็กซ์ โฮเต็ล ย่านสุขุมวิท โดยหายตัวไปจากโรงแรมทั้งที่ยังไม่ได้เช็กเอาต์!??

อย่างไรก็ตาม อีกเพียง 1 วันต่อมาคดีนี้ก็มาถึงบทสรุปที่มีน้ำหนักที่สุด

เมื่อตำรวจได้ข้อมูลสำคัญจากนางวิมล ใจจง เจ้าของเกสต์เฮาส์ และร้านอาหารชัย เวเก็ตทาเรี่ยน เรสเตอรองต์ ถนนสามเสนซอย 4 แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กรุงเทพฯ

นางวิมลระบุว่า

ศพที่พบน่าจะเป็นนายเมาริซิโอ โทซาโดรี อายุ 53 ปี สัญชาติอิตาลี ลูกค้าที่เข้าพักและหายไปก่อนพบศพ 1 วัน!??

เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจห้องเช่าพบหลักฐานภาพถ่ายนายเมาริซิโอ ซึ่งมีตำหนิสำคัญเป็นติ่งเนื้อบริเวณขมับซ้ายตรงกับศพที่พบ

นอกจากนี้ ยังพบจดหมายภาษาอังกฤษเขียนด้วยปากกาสีดำถึงนางวิมล แปลเป็นภาษาไทยว่า

"เขียนที่กรุงเทพฯ วันที่ 21 ก.พ.52 ขอบคุณสำหรับทุกสิ่ง ฉันขอโทษสำหรับความไม่สะดวก"

พร้อมกับเซ็นชื่อในตอนท้ายของจดหมาย

ที่สำคัญพบกางเกงในยี่ห้อเดียวกับที่สวมใส่วันเกิดเหตุ พบอุปกรณ์เดินป่าและเชือกปีนเขาลักษณะเดียวกับเชือกที่รัดคอศพด้วย!??

นางวิมลให้การว่า
นายเมาริซิโอเข้าพักได้ราวๆ 2 สัปดาห์ แต่ไม่นานก็แจ้งว่าไม่มีเงินแล้ว ขอพักอาศัยชั่วคราวเพื่อหางานทำ โดยจะออกจากห้องตั้งแต่เช้าทุกวัน และกลับมาช่วงเย็น พร้อมทั้งขอข้าวกินประทังชีวิตด้วย

สุดท้ายนางวิมลเข้าไปพูดเชิงขอร้องให้ย้ายออกเนื่องจากต้องการห้องไว้รับลูกค้าคนอื่น หนุ่มใหญ่อิตาลีตกอับแจ้งว่าขอเวลาอีก 2-3 วัน

กระทั่งวันที่ 21 กุมภาพันธ์ นายเมาริซิโอก็หายตัวไป กระทั่งมาพบศพในวันรุ่งขึ้น

ตำรวจส่งจดหมายที่พบในห้องไปเทียบลายมือกับข้อความที่พบบนราวสะพานพระราม 8 ว่าเป็นของคนๆ เดียวกันหรือไม่!??

แต่ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่มั่นใจกว่า 90% ว่าคดีนี้น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายของนายเมาริซิโอ เพราะเครียดกับเรื่องส่วนตัว แถมยังไม่มีงาน ไม่มีเงินอีกต่างหาก

จึงตัดสินใจจบชีวิตตัวเองอย่างสยดสยอง!??

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์