บุกยิงผู้รับเหมา พรุน14นัด ถล่มโหดหน้าบ้าน

เสี่ยรับเหมาก่อสร้างถูกยิงถล่มร่างพรุนรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 5 เม.ย.
 
พ.ต.ต.วัชรพงศ์ พรายพรรณ สารวัตรเวร สภ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุยิงถล่มกัน มีผู้เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 87/4 หมู่ 3 ต.มะเร็ต จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพยพงศ์ ผกก. พ.ต.ท.เกรียงไกร ไกรแก้ว รอง ผกก.ป. พ.ต.ท.บุญมา แก้วละเอียด สว.สส. นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนเดินทางไปตรวจสอบ 

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านห้องแถวชั้นเดียวเรียงกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องในสุด

พบโต๊ะพับทำด้วยเหล็กล้มระเนนระนาด บนพื้นปูนพบเลือดกองใหญ่ บางส่วนกระเซ็นติดฝาบ้าน ข้างกองเลือดพบนาฬิกาข้อมือถูกกระสุนเจาะสายนาฬิกาขาดสะบั้นตกอยู่ ส่วนบานเกล็ดหน้าต่างถูกยิงแตกละเอียด บริเวณลานข้างบ้านพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. ตกอยู่เกลื่อน 14 ปลอก ส่วนผู้บาดเจ็บถูกนำส่ง รพ.เกาะสมุย ก่อนแล้วและเสียชีวิต ระหว่างทาง  ทราบชื่อนายบำรุง ยกฮิ่น อายุ 42 ปี เจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างชื่อ “วิวิทการโยธา” บ้านเดิมอยู่เลขที่ 17/3 หมู่ 5 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช มีบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืน 9 มม. เข้าหน้าอกซ้าย 3 นัด ศีรษะ 3 นัด ชายโครงซ้าย 4 นัด แขนขวา 2 นัดลำคอ 1 นัด และข้อมือซ้ายอีก 1 นัด รวม 14 นัด
 

สอบสวนนางนฤดี แสงฉาย อายุ 40 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้การทั้งน้ำตาว่า

สามีตื่นนอนตอนเช้าอาบน้ำแต่งตัวจะไปทำงาน ก่อนออกจากบ้านได้ชงกาแฟมานั่งกินที่โต๊ะหน้าบ้านแล้วถูกคนร้ายแอบย่องมาทางหลังบ้านบุกกระหน่ำยิงไม่ยั้งมือ เสียงดังสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าประทัดแตก จนมั่นใจเหยื่อไม่รอดแน่แล้ว จึงวิ่งกลับทางหลังบ้านไปขึ้นรถจักรยานยนต์ที่พวกติดเครื่องยนต์รออยู่ขี่หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ส่วนสาเหตุไม่ทราบมาจากปัญหาใด เพราะสามีไม่เคยเอ่ยปากพูดถึงความขัดแย้งกับใครให้รับทราบมาก่อน  ขณะที่แนวทางการสืบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ อ.เกาะสมุย มีฐานะดีระดับเสี่ย มีลูกน้องในบริษัทกว่า 100 ชีวิต มีผลงานการก่อสร้างอาคารใหญ่ รวมทั้งระบบสาธารณูปโภคและถนนหนทาง จนเป็นที่เชื่อถือของหน่วยงานราชการ และบริษัทเอกชนเป็นอย่างดี ล่าสุดบริษัทผู้ตายชนะประมูลงานการก่อสร้างรีสอร์ตของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งมูลค่าหลายสิบล้านบาท มีบริษัทรับเหมายื่นซองประมูลหลายบริษัท แต่ไม่ได้รับการพิจารณา จนถูกยิงถล่มร่างพรุนดังกล่าว 

ตำรวจประมวลจากพยานหลักฐานลงความเห็นว่า

กลุ่มคนร้ายคงติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ตายเป็นอย่างดี จนรับรู้ว่าผู้ตายมักออกมานั่งกินกาแฟที่หน้าบ้านตอนเช้าก่อนไปทำงานทุกวัน และก่อนลงมือคาดว่า คงขี่รถจักรยานยนต์วนมาดูลาดเลาที่หน้าบ้านก่อนขี่รถย้อนกลับไปทางถนนหลังบ้าน แล้วมือปืนเดินบุกป่าหญ้ามาทางข้างบ้านเพื่อไม่ให้ผู้ตายรู้ตัวก่อนลงมือยิงถล่มปลิดชีพ ในชั้นนี้พุ่งปมขัดแย้งธุรกิจรับเหมาเป็นหลัก ขณะที่ปมปัญหาส่วนตัวกับเรื่องชู้สาวก็ยังไม่ตัดทิ้ง จะได้ สอบสวนคลี่ปมให้แน่ชัดอีกครั้ง


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์