สลด-พิษรักวัยเรียน ม.4สาดน้ำมันเผาม.3


ปัญหาพิษรักวัยเรียนยังคงสร้างความสูญเสียให้กับหลายครอบครัวในสังคม

ที่โชคดีสามารถประคับประคองชีวิตให้ผ่านไปได้ แต่บางรายทำใจไม่ได้ คิดสั้นทำร้ายตัวเองหรือคนรอบข้าง สังเวยอนาคตตัวเองให้กับความรักไปก็มาก เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดกับนายแสน (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.สกลนคร ที่เกิดความแค้นด.ญ.เอ (นามสมมติ) แฟนสาววัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม. 3 โรงเรียนเดียวกัน เพราะแฟนสาวพยายามตีตัวออกห่าง ก่อนจะเอ่ยปากขอเลิกคบกัน

ด้วยเหตุผลเพียงเท่านั้น ก็ทำให้นายแสนตัดสินใจใช้น้ำมันเบนซินมาราดแฟนสาวแล้วจุดไฟเผาต่อหน้านักเรียนนับพัน

เป็นภาพเหตุการณ์ที่สยดสยองยิ่งนัก!?? เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตอนบ่ายวันที่ 26 ธ.ค. ตำรวจสภ.เมืองสกลนคร รับแจ้งมีเหตุทำร้ายร่างกายด้วยการใช้น้ำมันราดนักเรียนหญิง แล้วจุดไฟเผากลางโรงอาหารในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจ.สกลนคร พ.ต.ท.วีระศักดิ์ พิมพ์มีลาย สารวัตรเวรฯ จึงรายงานพล.ต.ต.อุดม จำปาจันทร์ ผบก.ภ. สกล นคร รับทราบพร้อมด้วยพ.ต.ท.วิทยากรณ์ ษมากรวิทิต สว.สส. และเจ้าหน้าที่รุดไปที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บคือด.ญ.เอ ถูกนายแสนใช้น้ำมันเบนซินราดแล้วจุดไฟเผาทั้งเป็น บาดเจ็บสาหัส ครูและเพื่อนนักเรียนช่วยกันนำส่งร.พ. สกล นครไปก่อนหน้านั้น

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นขณะโรงเรียนมีกิจกรรมแข่งขันกีฬาสี

หลังเกิดเหตุไม่นาน ตำรวจตามไปรวบตัวนายแสนไว้ได้ที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในอ.เมืองสกลนคร นำตัวมาสอบสวน

นายแสนให้การรับสารภาพว่า เป็นคนย่างสดนักเรียนหญิงดังกล่าวด้วยน้ำมือตนเอง เพราะความหึงหวงเนื่องจากด.ญ.เอทำตัวเหินห่างและขอเลิกคบ

นายแสนย้อนเหตุการณ์ให้ฟังว่า ตนกับผู้บาดเจ็บชอบพอกันมานาน ถึงขั้นไปเที่ยวบ้านกันมาแล้ว

ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าไปร่วมงานกีฬาสีโรงเรียน และเข้าไปพูดคุยกันตามปกติ แต่ด.ญ.เอขอให้เลิกคบกันและเดินหนีไม่ยอมพูดด้วย ด้วยความโมโหจึงเข้าไปหาและตบหน้าไปหนึ่งครั้ง ทำให้ด.ญ.เอโกรธมาก พร้อมยืนยันจะไม่คบหากันอีกและเดินหนีไป ซึ่งตนรู้ระแคะระคายมานานแล้วว่า แฟนสาวพยายามตีตัวออกห่างเพราะไปคบเพื่อนชายคนใหม่

"หลังตบเธอผมรีบคว้ามอเตอร์ไซค์ไปเติมน้ำมันที่ปั๊มใกล้โรงเรียน และซื้อน้ำมันเบนซินใส่ขวดพลาสติกติดมือมาด้วย เมื่อมาถึงโรงเรียนเห็นแฟนนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนหลายคนในโรงอาหาร จึงเดินเข้าไปสาดน้ำมันใส่และจุดไฟเผาทั้งเป็น ก่อนจะวิ่งขึ้นรถขับออกจากโรงเรียนไปหลบซ่อนตัวอยู่ในรีสอร์ตกระทั่งถูกจับได้" นายแสนกล่าว

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตามไปค้นที่พักของนายแสน

พบปืนปลอมและรูปหญิงสาวหลายคนเก็บซ่อนไว้ โดยรูปแต่ละใบมีข้อความเขียนว่า "คนที่ 1" "คนที่ 2" ไปจนถึง "คนที่ 12" เมื่อคาดคั้นกับนายแสนก็ได้รับคำตอบ ว่าผู้หญิงที่อยู่ในภาพเหล่านั้นเป็นการเก็บสถิติผู้หญิงที่เคยร่วมหลับนอนมาแล้วทั้งนั้น โดยนายแสนจะถ่ายภาพเก็บรวบรวมไว้เอาไปอวดกับเพื่อนในกลุ่มว่าใครเคยผ่านผู้หญิงมามากกว่ากัน

นายแสนบอกว่าเพื่อนบางคนทำสถิติสูงสุดมากกว่า 20 คนก็มี ซึ่งนอกจากเรื่องผู้หญิงแล้วเรื่องการหาซื้อยาบ้ามาเสพ เรื่องเล่นการพนันก็ถือเป็นเรื่องปกติในกลุ่มเพื่อนที่คบกัน

ทุกคำพูดเล่นเอาเจ้าหน้าที่ถึงกับอึ้งไปตามๆ กัน ตำรวจแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นส่งตัวให้สถานพินิจรับไปดำเนินการทันที



สําหรับประวัติของนายแสน ญาติคนหนึ่งให้ข้อมูลว่า นายแสนเป็นลูกคนสุดท้องของครอบครัว มีพี่แม่เดียวกัน 1 คน และพี่ต่างแม่อีก 3 คน จากการสังเกตพฤติกรรมตั้งแต่เด็กพบว่า ชอบเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับคนในบ้าน หลังจากที่พ่อเสียชีวิตลง ลูกต้องดูแลกันเอง หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พล.ต.ต.อุดม จำปาจันทร์ จึงสั่งกำชับให้ตำรวจทุกนายคอยสอดส่องดูแลโดยเฉพาะตามสถานศึกษา และหาข่าวในกลุ่มวัยรุ่นอย่างใกล้ชิด หากพบกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันจำนวนมาก จะเข้าไปแจ้งให้กลับบ้าน ห้ามมั่วสุมกันเด็ดขาด หากรายใดไม่ยอมจะดำเนินการนำตัวมาทำประวัติ และให้ครูหรือผู้ปกครองมารับตัวไปดำเนินการเพื่อเป็นการตักเตือน

เกี่ยวกับเรื่องนี้น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักสุขภาพจิตสังคม กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เผยว่า

น.พ. หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมสุข ภาพจิต ได้สั่งการศูนย์สุขภาพจิตที่โรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ ประสานโรงพยาบาลสกลนครในการเข้าไปให้การเยียวยาเด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว ซึ่งตามหลักการโดยทั่วไปแล้ว เด็กที่ถูกทำร้ายจนได้รับการบาดเจ็บ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบาดแผลนั้นเกิดขึ้นตามตัว ใบหน้า จนเกิดรอยแผลเป็น อาการบาดเจ็บทางร่างกาย จะส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บทางจิตใจตามมาแน่นอน ซึ่งต้องดูแลใกล้ชิด

น.พ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อว่า ส่วนพฤติ กรรมเด็กผู้ชายที่ทำร้ายผู้อื่น ด้วยภาวะความก้าวร้าวรุนแรง สามารถอธิบายได้ 3 ด้าน

1. ด้านชีววิทยายา คือ เด็กมีสารเสพติดหรือไม่ ปัญหาทางสมองที่ส่งผลต่อการยับยั้งชั่งใจ โรคลมชัก 2. จิตใจก้าวร้าวรุนแรง ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ ซึ่งต้องย้อนศึกษาการเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก และ 3. ภาวะทางสังคมที่เด็กอาจมีพฤติกรรมเลียนแบบ เช่น จากละคร ภาพยนตร์ เกม อย่างไรก็ดี จะต้องพิจารณาหาสาเหตุเพื่อแก้ไข ช่วยให้เด็กสามารกกลับคืนสังคมได้ โดยหลังจากได้รับโทษตามกฎหมายแล้ว สังคมควรให้โอกาสเด็กได้เปลี่ยนพฤติกรรม มีกระบวน การบำบัดเยียวยาทางจิตใจ

"เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดี เพราะช่วยจุดประกายปัญหาความรุนแรง ซึ่งสามารถเกิดได้ทุกช่วงวัย ไม่ใช่ผู้ใหญ่ปล่อยให้เด็กตีกัน ทะเลาะกันใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา แล้วบอกว่าไม่เป็นไร โดยไม่รู้ว่าเป็นการปลูกฝังความก้าวร้าวรุนแรงให้กับเด็กตั้งแต่เล็กๆ" น.พ.ทวีศิลป์กล่าว

ผู้ใหญ่ต้องให้ความสนใจกับเด็กๆ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์