ทวงหนี้โหด!! ระวังบริการเงินกู้-เงินด่วน

เหตุแก๊งทวงหนี้นอกระบบรุมตื้บส.อ.สารวัตร ทหาร บาดเจ็บต้องเย็บ 14 เข็ม นับเป็นอุทา หรณ์สอนใจคนร้อนเงินได้เป็นอย่างดี

ว่าถ้าหากตัดสินใจใช้บริการเงินกู้นอกระบบที่โฆษณาชวนเชื่อว่ายอมให้กู้เงินได้ภายใน 5-10 นาที คงต้องคิดทบทวนให้หนัก เพราะเบื้องหลังบริการประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะชาร์จอัตราดอก เบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนดหรือไม่ก็มีแก๊งทวงหนี้คอยตามราวี

ธุรกิจเงินกู้ประเภทนี้มักจะมีอะไรแอบ แฝงเสมอ!??

ตัวอย่างที่เห็นกันจะจะ คือกรณีที่เกิดกับ ส.อ.สุพร ธรรมโหร อายุ 49 ปี สารวัตรทหาร ช่วยราชการฝ่ายข่าวกรอง มทบ.24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรฯ และ นางอภัสรา ธรรมโหร อายุ 41 ปี สองสามีภรรยา ที่ได้กู้เงินนอกระบบจากบริการเงินกู้ 5 นาทีที่แจกนามบัตรเชื้อเชิญให้คนมากู้เงินทั่วจ.อุดรธานี นางอภัสรากู้เงินมา 5 พันบาททยอยผ่อนจ่ายให้คนปล่อยกู้ทุกวันในอัตราดอกเบี้ยเกือบ 50 % ซึ่งในแต่ละครั้งจะมีแก๊งทวงหนี้มาตามทวงถึงบ้านแถมยังโมเมว่าจ่ายไม่ครบ ก่อนจะใช้ความถ่อยตรงเข้าทำร้ายร่างกายส.อ.สุพร จนสะบัก สะบอมต้องหามส่งร.พ.ให้หมอเย็บแผลถึง 14 เข็ม

ขนาดส.อ.สุพรเป็นทหารยังโดนหนักขนาดนี้แล้วถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาจะไปเหลืออะไร!??

ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ครั้งนี้ เริ่มจากการที่ส.อ.สุพรกับนางอภัสรา ต้องการเงินเป็นค่าใช้จ่ายให้ลูกชายไปสมัครสอบโรงเรียนนายสิบที่กรุงเทพฯ นางอภัสราจึงตัดสินใจกู้เงิน จากบริษัทเจเอส เจริญศรี เงินทุน ที่แจกนาม บัตรไว้กับพ่อค้าแม่ค้าในตัวเมืองอุดรธานี โฆษณาว่ากู้ง่ายได้เงินภายใน 5 นาทีโดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะลำพังอาชีพเสริมที่ได้จากการเปิดร้านขายลาบส้มตำ คงไม่เพียงพอต่อการส่งลูกชายไปสอบเข้านายสิบ

ทั้งคู่จึงหาทาง ออกโดยการกู้เงิน นอกระบบ!!

วันที่ 18 ส.ค. นางอภัสราตัดสินใจกู้เงินจากบริษัทดังกล่าวมาจำนวน 5,000 บาท โดยยอมจ่ายเงินทั้งต้นและดอกวันละ 200 บาท ซึ่งทุกครั้งที่จ่ายเงินชำระหนี้จะมีวัยรุ่นคอยเดินเก็บเงินกันเป็นแก๊ง

ปัญหาเกิดจากการที่นางอภัสราจ่ายเงินไปแล้วประมาณ 7,000 จึงแจ้งให้ทางผู้เก็บเงินทราบว่ายังเหลืออยู่อีก 400 บาทก็จะครบจำนวนเงินที่กู้พร้อมดอก

แต่แก๊งทวงหนี้โวยวายบอกว่ายังไม่ครบ ยังเหลือค้างจ่ายอีก 2,500 บาท หากไม่ให้จะคิดดอกเบี้ยเพิ่ม โดยในวันที่ 15 พ.ย. ได้มีแก๊งทวงหนี้วัยโจ๋ 2 คน ตามมาทวงเงินจำนวนนี้กับนางอภัสราถึงร้านอีสานลาบก้อยของนางอภัสราซึ่งตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน ตรงข้ามมหาวิทยา ลัยราชภัฏอุดรธานี ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมืองอุดร ธานี

นางอภัสราจึงไปบอกสามีและตกลงกันว่าจะจ่ายส่วนที่เหลือให้เพียงแค่ 400 เพราะในสัญญาระบุไว้เพียงเท่านี้

ทำ ให้แก๊งทวงหนี้ไม่พอใจพูดจาข่มขู่แบบไม่เกรงกลัวใคร ซึ่ง 1 ในนั้นบอกว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี ตำรวจก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะเป็นพวกกัน และที่สำคัญ พวกมันบอกเป็นคนใต้มีพวกเยอะ ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะเข้าไปในร้านทำลายโต๊ะเก้าอี้ ซึ่งขณะนั้นส.อ. สุพร นั่งทำงานอยู่ในร้านพอดีจึงออกมาขัดขวาง เลยถูกคนร้ายใช้เก้าอี้และเขียงตีเข้าที่ศีรษะและใบหน้าจนเลือดอาบก่อนที่จะพากันวิ่งหนี ปล่อยให้เหยื่อต้องพาร่างอันสะบักสะบอมไปโรงพยาบาลให้หมอเย็บแผลถึง 14 เข็ม

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นต่อหน้าสายตาคนทั้งร้าน

หลังเกิดเหตุส.อ.สุพรรีบแจ้งความกับตำรวจสภ.อุดรธานีทันที คดีนี้เป็นคดีตัวอย่างสำหรับพวกกู้เงินนอกระบบ พล.ต.ต.สรศักดิ์ เย็นเปรม ผบก.ภ.จว. อุดรธานี จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.ศักดา พงศ์ศิริยานนท์ รอง ผบก. พ.ต.อ.สุเมธ วงศ์สุเมธ ผกก. สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จิตรคาม สว.สส. และชุดสืบสวนพิรุณออกสืบหาแก๊งทวงหนี้และคนปล่อยกู้เพื่อเอาตัวมาดำเนินคดี

ตำรวจใช้เวลาหาข่าวไม่นานก็รู้ชื่อเสียงเรียงนามแก๊งทวงหนี้แก๊งนี้

ประกอบด้วย นายพีรพงษ์ หรือ "เบิร์ด" ภาคเจริญ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/3 หมู่ 8 ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี นายพันธ์ศักดิ์ หรือ "โอ่ง" ตระกูลดี อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12 ม.8 ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี และนายชูชาติ หรือ "เปี๊ยก" เสริฐศรี อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 หมู่ 5 ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จึงขออนุมัติออกหมายจับเดี๋ยวนั้น

วันที่ 18 พ.ย. ตำรวจตามรวบตัวคนร้ายไว้ได้พร้อมของกลางเงินสด 16,610 บาท

หนังสือสัญญาเงินกู้จำนวน 181 รายการ รวมเป็นเงิน 1,469,000 บาท รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า มีโอ สีฟ้า ทะเบียน กลบ 938 จันทบุรี รถจักร ยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า โนวาแดซ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สมุดบัญชีรายการเก็บเงิน 2 เล่ม นามบัตรเจริญทรัพย์เงินทุน ระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือ 3 หมายเลข บัตรเอทีเอ็ม ระบุชื่อ นายเสกสรร คุ้มพาล 1 ใบ ตั้งข้อหาร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์ ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ร่วมกันบุก รุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น โดยเข้าไปกระ ทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครอง อสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขในเวลากลางคืน และร่วมกันให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ย เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด เร่งสรุปสำนวนส่งฟ้องทันที

เจ้าหน้าที่ขยายผลพบด้วยว่า

คนร้ายแก๊งนี้เป็นแก๊งทวงหนี้แก๊งใหญ่มี นางสุพัตรา บรรจงใจรักษ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 74 ถ.เทศบาล สาย 2 ต.ยายร้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี กับ นายเปี๊ยก ซึ่งเป็นสามีเป็นนายทุนเงินกู้ มี นายเสกสรร คุ้มพาล หรือ "โอ๋" อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23/1 ม.8 ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เป็นหัวหน้าแก๊งทวงหนี้ ซึ่งนายเสก สรรได้ว่าจ้าง นายชูชาติ นายพีรพงษ์ และ นายพันธ์ศักดิ์ ให้ดูแลและตามทวงหนี้ลูกหนี้ใน จ.อุดรธานี มีนายชูชาติเป็นหัวหน้าทีมได้ค่าจ้างคนละ 5,000 บาทต่อเดือนและเบี้ยเลี้ยงในการตามเก็บเงินอีกวันละ 200 บาทที่สำคัญ พบว่ามีชาวบ้านในเมืองอุดร กู้เงินจากกลุ่มคนร้ายไปกว่า 100 ราย ซึ่งส่วนใหญ่ถูกแก๊งทวงหนี้ข่มขู่คุกคามทั้งนั้น

บางรายถึงขนาดปิดบ้านหนีเลยทีเดียว!!

คดีนี้พล.ต.ต.สรศักดิ์ สั่งขุดรากถอนโคนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง สั่งติดตามขบวนการแบบเดียวกับแก๊งนี้มาดำเนินคดีให้หมด

ก่อนที่จะมีคนตกเป็นเหยื่อมากกว่านี้!!

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์