เทปกาวปิดตา อุ้มฆ่าสุดโหด

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 3 ก.ย. ร.ต.ท.บุญยงค์ สอนสุข ร้อยเวร สภ.อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี รับแจ้งเหตุพบศพถูกฆ่าในพงหญ้าริมถนนสายหัวลำ-เขาตะแครง บ้านเขาวง หมู่ที่ 4 ต.หัวลำ อ.ท่าหลวง จ.ลพบุรี หลังรับแจ้งจึงรีบรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.อมร ศรีทุนะโยธิน ผกก. แพทย์เวร รพ.ท่าหลวง นำกำลังและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพ้งไล้ 16 ลำนารายณ์ รุดไปสอบสวน

ที่เกิดเหตุเป็นถนนเปลี่ยวสองข้างทางเป็นไร่ข้าวโพดไม่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้เคียง

พบศพนายเสงี่ยม มืมขุนทด อายุ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 49 หมู่ที่ 6 ต.หินดาด อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา นอนตายในพงหญ้าห่างผิวถนนราว 5 เมตร สภาพศพสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายน้ำเงินขาว นุ่งกางเกงลายพรางทหาร มีเทปกาวสีน้ำเงินพันรอบศีรษะปิดตาทั้ง 2 ข้าง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่บริเวณศีรษะด้านหลังกระสุนตุงที่แก้มซ้าย 1 นัด คาดว่าตายมาราว 3 วัน จนศพเน่าอืดมีหนอนไต่ยั้วเยี้ยส่งกลิ่นเหม็นตลบไปทั้งบริเวณ ค้นตัวพบเงิน 170 บาท ในที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ และปลอกกระสุน คาดถูกฆ่าจากที่อื่นแล้วคนร้ายนำศพมาทิ้งพรางคดี

นายเสงี่ยม ผู้ตาย ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้าสีน้ำเงิน ทะเบียน ขทษ 270 นครราชสีมา ออกจากบ้านเพื่อไปต่อภาษีรถที่สำนักงานขนส่งอำเภอด่านขุนทด แล้วหายตัวไป ตนและลูกๆช่วยกันตามหาตามบ้านญาติและคนรู้จักแต่ไม่พบวี่แวว กระทั่งได้รับแจ้งจากตำรวจว่าพบศพนายเสงี่ยม จึงเดินทางมาดูศพ นางจำนองให้การอีกว่า นายเสงี่ยมมีอาชีพทำไร่ทำนา และเป็นสายตรวจตำรวจชุมชนประจำหมู่บ้าน (ตชต.) ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร แต่ในอดีตเมื่อ 23 ปีก่อน นายเสงี่ยมเคยต้องคดีใช้ปืนยิงผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งเสียชีวิต ติดคุก 6-7 ปี แต่ได้พ้นโทษมานาน 16-17 ปีแล้ว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประสานพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อติดตามหารถของผู้ตาย

กระทั่งได้รับแจ้งว่า สภ.อ.ชัยบาดาล นำรถของผู้ตายไปเก็บไว้ที่โรงพักแล้ว เนื่องจากเมื่อเที่ยงวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา มีชาวบ้านพบรถคันดังกล่าวล้มตะแคงอยู่ในพงหญ้าริมถนนฝั่งตรงข้ามห่างจุดเกิดเหตุราว 5 กม. ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของ สภ.อ.ชัยบาดาล จึงไปขอรับรถกลับมาเพื่อตรวจสอบ

ทางด้าน พ.ต.อ.อมร ศรีทุนะโยธิน ผกก.สภ.อ.ท่าหลวง เปิดเผยว่า

เบื้องต้นคาดว่า ปมสังหารมาจากเรื่องโกรธแค้นส่วนตัว โดยคนร้ายไม่น้อยกว่า 2 คน ดักอุ้มผู้ตายมาจาก อ.ด่านขุนทด ใช้เทปกาวปิดตานำขึ้นรถยนต์พาไปยิงทิ้งที่อื่น ก่อนจะนำศพและรถจักรยานยนต์ไปแยกทิ้งริมถนนดังกล่าวเพื่ออำพรางคดี ซึ่งตำรวจจะได้สอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงและติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป