ไม่รอด! โควิด-19โอไมครอน ลามอีก 2 ประเทศ 2 ทวีป
แอนดี้ เปกอซ นักไวรัสวิทยา จากสถาบันจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดอีกครั้งในสัปดาห์ต่อๆ ไป ว่าจะมีการแพร่ระบาดในชุมชนจากผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว อาจทำให้ยารักษาโควิดจากเมิร์ค และไฟเซอร์ มีความสำคัญมากขึ้นในการช่วยลดอาการป่วยรุนแรง
ดร.แอนโทนี เฟาซี ที่ปรึกษาระดับสูงด้านโรคระบาดของทำเนียบขาว ระบุว่า อาจใช้เวลาราว 2 สัปดาห์หรือมากกว่า ในการศึกษาเชื้อสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวว่าสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นและมีอาการรุนแรงขึ้นหรือไม่ รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีในปัจจุบันต่อสายพันธุ์นี้
ทั้งนี้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เรียกร้องให้ประชาชนชาวอเมริกัน เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยล่าสุดมีประชากรราว 60% ที่รับวัคซีนครบโดส แต่มีเพียง 1 ใน 5 ของจำนวนดังกล่าว เข้ารับเข็มกระตุ้น
ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศอาหรับชาติแรกที่ประกาศพบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา หลังทางการจริงจริงจังเรื่องการฉีดวัคซีนทั่วประเทศ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด
กระทรวงสาธารณสุขซาอุฯ เผยว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาการกลับมาใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เข้มงวด โดยขณะนี้ ทางการร้องขอให้ประชาชนฉีดวัคซีนให้ครบโดส และสวมหน้ากากอนามัยเพื่อความปลอดภัยร่วมกัน
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (27 พ.ย.64) ทางการซาอุฯ สั่งระงับเที่ยวบินจาก 7 ชาติแอฟริกา ที่รวมถึง แอฟริกาใต้ นามิเบีย เลโซโท เอสวาตินี ซัมบับเว บอตสวานา และโมซัมบิก โดยผู้ที่เดินทางจาก 7 ประเทศนี้ ถึงซาอุดิอาระเบียในช่วงก่อนประกาศมาตรการระงับเที่ยวบิน ต้องเข้ารับการกักตัว