เปิดไดอารี่สาวอู่ฮั่น หนึ่งสัปดาห์แห่งความโดดเดี่ยว หลังประกาศปิดเมือง
วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. คืนส่งท้ายปีเก่าที่เงียบเหงา
โลกช่างเงียบสงัดจนน่ากลัว ฉันอยู่ตัวคนเดียว และวิธีเดียวที่จะรู้ได้ว่ามีมนุษย์คนอื่น ๆ อาศัยอยู่รอบข้างด้วย ก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงตามทางเดินเท่านั้น
ฉันมีเวลานั่งคิดว่าจะเอาตัวรอดให้ได้อย่างไรเยอะมาก แต่กลับไม่มีทรัพยากรหรือช่องทางติดต่อขอความช่วยเหลือจากใครเลย
เป้าหมายหนึ่งที่ฉันตั้งไว้คือต้องไม่ล้มป่วย ก็เลยบังคับตัวเองให้ออกกำลังกาย อาหารก็สำคัญต่อความอยู่รอดเช่นกัน ฉันจึงต้องแน่ใจว่ามีเสบียงกักตุนเอาไว้เพียงพอ
รัฐบาลไม่ได้แจ้งว่าการปิดเมืองจะยาวนานขนาดไหน ทั้งไม่ได้ช่วยแนะนำเราว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร ผู้คนพากันเล่าลือว่าอาจต้องปิดเมืองไปจนถึงเดือนพฤษภาคม
วันนี้ร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อที่ชั้นล่างปิดบริการ แต่ก็ยังพออุ่นใจได้ เพราะเห็นว่ามีพวกพนักงานบริการส่งอาหาร ยังคงทำงานอยู่
เส้นก๋วยเตี๋ยวที่วางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตหมดเกลี้ยง แต่ยังคงมีข้าวสารเหลืออยู่บ้าง ฉันไปตลาดซื้อไข่ ต้นกระเทียม แล้วก็ขึ้นฉ่ายมาด้วย พอกลับถึงบ้านฉันซักผ้าทั้งหมดแล้วอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย สุขอนามัยส่วนบุคคลนั้นสำคัญมาก ตอนนี้คิดว่าตัวเองล้างมือถึงวันละ 20-30 ครั้ง
การได้ออกไปข้างนอกทำให้ฉันรู้สึกว่ายังสามารถติดต่อกับชาวโลกได้อยู่ แต่นึกไม่ออกว่าคนแก่และคนพิการที่อยู่ตัวคนเดียวจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้อย่างไร
วันเสาร์ที่ 25 ม.ค. วันตรุษจีนที่แสนโดดเดี่ยว
วันนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ของจีน ปกติแล้วฉันไม่ค่อยสนใจเรื่องเลี้ยงฉลองตามประเพณีนัก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้วันปีใหม่ยิ่งหมดสิ้นความสำคัญเข้าไปอีก
เมื่อตอนเช้าฉันจามและมีเลือดออกมาด้วย ฉันเริ่มรู้สึกกลัว สมองเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเรื่องโรคระบาด คิดไม่ตกว่าควรออกไปข้างนอกหรือไม่ แต่ฉันไม่มีไข้และยังคงกินอาหารได้ดี เลยตัดสินใจออกไป
ฉันใส่หน้ากากอนามัยสองชั้น แม้ผู้เชี่ยวชาญจะบอกว่ามันไม่จำเป็นและไม่มีประโยชน์อะไร แต่ฉันกลัวเจอหน้ากากปลอมคุณภาพต่ำ ก็เลยต้องใส่เพิ่มทับลงไปให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น
เมืองยังคงเงียบมาก ร้านดอกไม้เปิดอยู่และเจ้าของร้านเอาดอกเบญจมาศซึ่งใช้ในงานศพมาวางไว้ที่ประตู ฉันไม่แน่ใจว่ามันสื่อความหมายอะไรหรือไม่
ชั้นวางผักที่ซูเปอร์มาร์เก็ตว่างเปล่า เส้นก๋วยเตี๋ยวทุกชนิดและของกินจำพวกขนมจีบและเกี๊ยวซ่าขายไปเกือบหมดแล้ว มีคนเพียง 2-3 คนที่ยืนรอจ่ายเงินอยู่
ฉันยังคงมีความรู้สึกอยากจะตุนของมาก ๆ ทุกครั้งที่มาร้าน ก็เลยซื้อข้าวสารอีกสองกิโลครึ่ง แม้จะมีอยู่ที่บ้านถึง 7 กิโลกรัมแล้วก็ตาม แถมยังอดซื้อหัวมันหวาน, ข้าวฟ่าง, ไส้กรอก, เกี๊ยวซ่า, ไข่เค็ม, ถั่วแดง และถั่วแขกเพิ่มอีกไม่ได้ ฉันไม่ชอบกินไข่เค็มด้วยซ้ำ ! แต่เอาไว้แจกเพื่อน ๆ หลังการกักกันโรคสิ้นสุดลงก็แล้วกัน
ฉันไม่เคยมาเดินแถวถนนสายนี้มาก่อน ก็เลยรู้สึกเหมือนเปิดโลกของตัวเองให้ขยายกว้างขึ้นอีกนิด
ฉันคิดว่าวันนี้ได้เจอคนตามท้องถนนราว ๆ 100 คน ฉันตั้งใจว่าจะต้องทำให้เสียงของฉันมีคนได้ยิน และทำลายพันธนาการที่ผูกมัดอยู่นี้ให้จงได้ ฉันหวังว่าทุกคนยังคงมีกำลังใจดี และหวังว่าเราจะได้พบหน้า ได้มาพูดคุยกันอีกในวันต่อ ๆ ไปนะเพื่อน
ความตื่นตระหนกกลัวภัยทำให้คนเราแตกแยกกัน