“องอาจ”สอนเชิง“บรู๊ค”กล่าวหาทุจริตใน อสมท. ยัน รมต.ไม่มีอำนาจยุ่งเกี่ยว ท้าลาออกจากเก้าอี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 01.45น. วันที่ 17 มี.ค. นายดนุพร ปุณณกันต์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า นายองอาจ ใช้งบประมาณสิ้นเปลือง กรณีของบริษัท อสมท.จำกัด (มหาชน) จัดซื้อจัดจ้างเช่าระบบเทเลเพรเซนท์ ซึ่ง อสมท.ได้เคยนำไปใช้งานที่ทำเนียบรัฐบาล และออกอากาศ รวมถึงได้เซ็นสัญญา 2 ปี ทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นของดีหรือไม่ ทำไมจึงไม่เซ็นสัญญา 1 ปีเพื่อทำการทดลองออกอากาศก่อน นอกจากนี้ การทุจริตและเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง จากการที่กระทรวงพาณิชย์ จัดสรรเงิน 50 ล้านบาทให้ อสมท.ไปใช้ผลิตโฆษณา“พาณิชย์สร้างสรรค์” ตั้งแต่เดือน ต.ค.-ธ.ค.2553 ค่าผลิตรายการ 44.1 ล้านบาท
ซึ่งในเอกสารของ อสมท.ระบุว่าไม่สามารถดำเนินการเองได้ จึงต้องจัดจ้างบริษัทมาดำเนินการเอง 2 บริษัท น่าสงสัยว่าทำไมไม่ผลิตเอง ทั้งที่เป็นรายการที่ออกอากาศทาง อสมท.เอง และอสมท.มีบริษัทลูก คือ บริษัท พาโนรามา เวิลด์ไวด์ ทั้งนี้ อสมท.ได้ว่าจ้าง บริษัท บางกอก โชว์เคส บริษัท เดนสุ มีเดีย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำกว่ารายอื่น อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 บริษัทได้ยื่นเสนอราคามาเมื่อเดือน พ.ย.2553 แต่สามารถผลิตรายการได้ 600 ตอน ผลิตรายการ 3 รายการในเดือน พ.ย.2553 ผลิตรายการก่อนที่จะมีการเสนอราคา โดยที่ไม่รู้ว่า นายธนวัฒน์ วันสม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท อสมท.จำกัด(มหาชน) ได้เซ็นอนุมัติโครงการนี้ย้อนหลังเมื่อเดือน ม.ค.2554
จากการตรวจสอบ พบว่าบริษัท บางกอก โชว์เคส ซึ่งมีกรรมการคนหนึ่งที่มีนามสกุล“สลักเพชร” รวมอยู่ด้วย
นอกจากนี้ ผอ.บมจ.อสมท.คนปัจจุบัน ขาดคุณสมบัติตั้งแต่ต้น ซึ่งเคยถูกสหภาพ อสมท.ร้องเรียนมาแล้ว เพราะนายธนวัฒน์ เคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานภูมิภาคของบริษัท สตาร์ทีวี กรุ๊ป รีเจนัล ที่มีทุนจดเพียง 3 ล้านบาท เหมือนเป็นรองผู้จัดการสาขา และบริษัทนี้ไม่ได้มีผลกำไรถึง 1,500 ล้านบาท ถือว่าไม่มีความน่าเชื่อถือในการบริหารงานบริษัทที่มีทุน
ด้านนายองอาจ กล่าวชี้แจงว่า ตนยืนยันว่าไม่มีการทำทุจริตใดๆ และตนขอท้านายดนุพร ว่าตนเชื่อมั่นว่าไม่ว่าจะป.ป.ช.ตรวจสอบอย่างไร ก็ไม่สามารถถอดถอนตนได้
เพราะไม่สามารถหาข้อเท็จจริงใดๆมาถอดถอนตนจากตำแหน่งเพราะการทุจริตได้ ถ้าถอดถอนตนไม่ได้ ขอให้นายดนุพร ลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. ทั้งนี้ ตนไม่มีโอกาสเข้าไปทุจริตอะไรใน อสมท. เพราะตนไม่มีอำนาจใดๆในบริษัทนี้ที่จะไปทำทุจริตหรือเอื้อประโยชน์ให้กับใคร ตนจึงไม่สามารถชี้แจงใดๆได้ ส่วนการรายงานผลประกอบการนั้นต้องมีการแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบ ไม่ใช่แจ้งต่อรัฐมนตรี อีกทั้ง การจัดซื้อจัดจ้าง ถ้าเกินจาก 50 ล้านบาท เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริษัท แต่ถ้าต่ำกว่านั้นเป็นอำนาจของ ผอ.บมจ. อสมท. เรื่องการตรวจสอบการทุจริตนั้น คณะกรรมการผู้ถือหุ้นสามารถตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเองได้ ทั้งนี้ เรื่องการเช่าระบบเทเลเพรเซนท์ ที่ฝ่ายค้านอ้างว่าเคยมีการนำมาใช้ที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ที่จริงรัฐบาลไม่เคยเอามาใช้เลย ส่วนเรื่องคุณสมบัติของ ผอ.อสมท.นั้น ตนทราบเรื่องเมื่อมีคนไปร้องต่อนายกรัฐมนตรี แล้วนายกฯส่งเรื่องมาให้ตน แต่ก็เป็นเรื่องที่สามารถไปตรวจสอบกันต่อไป