นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าววันที่ 27 ตุลาคมถึงการที่พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งให้มีการสอบวินัยพล.ต.ต.วิสุทธิ์ วานิชบุตร รองผบช.ภ. 9 เพราะแถลงข่าวว่าถูกการเมืองแทรกแซง ทำให้ถูกโยกย้ายจากตำแหน่งอดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบช.ภ.9) มาอยู่ที่สำนักกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ตนไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องของราชการ ซึ่งผบ.ตร.บอกว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ส่วนที่มีการพูดพาดพิงถึงนักการเมืองในพื้นที่นั้น ก็สามารถเปิดเผยมาได้ ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจครั้งที่ผ่านมา ตนได้เปิดโอกาสให้มีการร้องเรียนเข้ามาแล้ว เพราะการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้เลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ 2 ครั้ง และก.ตร.ก็พิจารณาให้กับเกือบทุกคนที่ได้ร้องเรียนเข้ามา แต่จะได้ข้อยุติตรงตามที่ร้องเรียนมาหรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่รายของพล.ต.ต.วิสุทธิ์ ไม่ได้ร้องเรียน
เมื่อถามว่าคิดว่าการที่พล.ต.ต.วิสุทธิ์ ออกมาแถลงเปิดโปงเช่นนี้ มีความเหมาะสมหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่เข้าใจว่าทำไมพล.ต.ต.วิสุทธิ์ จึงไม่ร้องเรียนตามขั้นตอนเหมือนกับคนอื่น เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเรื่องนี้มีประเด็นใดแอบแฝงด้วยใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องถามพล.ต.ต.วิสุทธิ์ ว่าทำไมไม่ทำเหมือนคนอื่น เมื่อถามว่าผลงานของพล.ต.ต.วิสุทธิ์ ในช่วงที่ผ่านมาเป็นอย่างไร มีการส่งข้อมูลเกี่ยวกับพล.ต.ต.วิสุทธิ์ เข้ามาหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยิ้มแล้วกล่าวว่า “ส่งมาทั้ง 2 ด้านครับ”
เมื่อถามว่า ระบบที่มีการวางไว้เกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายของ ก.ตร. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครั้งนี้มีการทำขึ้นมา โดยเพิ่มสัดส่วนความอาวุโส ร้อยละ 33 มีการจัดทำบัญชีความอาวุโสและบัญชีผู้มีความเหมาะสม ซึ่งมีการเปิดเผยและต้องมีคำอธิบายในกรณีที่มีการข้ามอาวุโส ตัวอย่างเช่น มีการเสนอมาในบางภาค โดยต้องยกเว้นคุณสมบัติ ซึ่ง ก.ตร.ไม่อนุมัติ จึงต้องทำตามแนวที่มีการเสนอมาและมีการแก้ไข อีกทั้งจะมีการปรับปรุงต่อเนื่อง
“ในการที่ตนร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ต.ช.) เมื่อวันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา ยังมีการรับข้อเสนอจากคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจที่มีพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน ในเรื่องกระจายอำนาจและการปรับปรุงคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) ให้ครอบคลุมทั้งภาคและนครบาล รวมถึงแก้ไขสัดส่วนของ กต.ตร.ให้มีสัดส่วนของภาคประชาชนมากกว่าส่วนของข้าราชการ ดังนั้นเรื่องการปฏิรูปตำรวจก็เดินหน้าต่อไป”