นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์" รัฐบาลไม่แทรกแซงคดี "วิคเตอร์ บูท"
ด้าน "สุเทพ" มีเหน็บ ปธ.วุฒิสภา ว้ากเด็กนายกฯ แต่พร้อมตัดหาง อ้างเป็นเรื่องที่ "ศิริโชค" ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป ด้านรอง หน. พรรคเพื่อไทยตำหนิซ้ำวอลเปเปอร์ ดอดพบพ่อค้าอาวุธถึงเรือนจำ อ้างเป็นเรื่องน่าสนใจ ถือเป็นเรื่องทะลึ่งมาก พร้อมตั้งคำถามสวนกลับ หากเกิดไปสนใจเรื่องโสเภณี ไม่ต้องเข้าซ่องหาข้อมูลหรือยังไง ขณะที่สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน 57.71 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าเรื่องจับวิคเตอร์ บูท ส่งคืนอเมริกา เกี่ยวพันการเมือง และอยากให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความมั่นคงของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบฯบุกจับกุม "นายวิคเตอร์ บูท" ที่ถูกกล่าวหาเป็นพ่อค้าอาวุธสงครามระดับโลก
โดยศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายวิคเตอร์ร่วมมือกับขบวนการ FARC ซึ่งเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลประเทศโคลอมเบีย เป็นคดีการเมือง ไม่ต้องส่งตัวให้กับประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ศาลอุทธรณ์คำพิพากษากลับให้ส่งตัวไป ดำเนินคดีที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ทำให้ประเทศรัสเซียไม่พอใจ ขู่จะทำทุกวิถีทางในการนำตัวนายวิคเตอร์กลับคืนมาตุภูมิให้ได้ ขณะเดียวกันเรื่องนี้ กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง เมื่อมีการแฉว่า นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรี แอบเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องหาชาว รัสเซียถึงในเรือนจำ และพยายามโยงเรื่องจับกุมเครื่องบินขนอาวุธสัญชาติจอร์เจีย เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เกี่ยวพันนายวิคเตอร์ บูท และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่น ประเทศไทย กับนายกฯ อภิสิทธิ์"
กรณีนายวิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย ว่า คดีเริ่มต้นก่อนที่รัฐบาล จะเข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลไทยได้ยืนยันกับสหรัฐอเมริกา และรัสเซีย ว่า กระบวนการยุติธรรมของไทย จะ ไม่ให้ฝ่ายบริหารเข้าไปแทรกแซงคดี การพิจารณาคดียึด ตามกฎหมายภายในประเทศ สนธิสัญญา ตามหลักสากล และคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีกับทั้ง 2 ประเทศ ก่อนหน้านี้ ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าเป็นคดีการเมือง จึงไม่ต้องส่งตัวให้สหรัฐอเมริกา แต่เมื่อศาลอุทธรณ์กลับคำพิพากษา ตามกฎหมายจะต้องส่งตัวภายใน 3 เดือน อย่างไรก็ตามสหรัฐอเมริกาได้ยื่นขอให้มีการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แต่ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล จึงไม่สามารถส่งตัวได้ สหรัฐอเมริกาจึงต้องการถอนฟ้อง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ศาลเป็นผู้พิจารณา ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะทำความเข้าใจที่ดีกับสหรัฐอเมริกา และรัสเซีย โดยให้กระทรวงการต่างประเทศหาช่องทางให้ 2 ประเทศพูดคุยกันเอง เพื่อให้มีความเข้าใจที่ตรงกัน โดยยืนยันที่ผ่านมาไม่มีใครทราบว่าศาลจะพิพากษาออกมาอย่างไร หลังออกมากล่าวหาว่ารัฐบาลเข้าไปแทรกแซง
โพลเชื่อคดี! วิคเตอร์ บูท พันการเมือง
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สัมภาษณ์กรณีประธานวุฒิสภา
ระบุว่า นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา คนสนิทนายกรัฐมนตรี เข้าไปเจรจากับนายวิคเตอร์ บูท เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และทำให้ปัญหาลุกลามว่า เป็นสิทธิของท่านที่จะแสดงความคิดเห็น บังเอิญท่านเป็นผู้ใหญ่เลยไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ท่าน ถ้าเป็นคนอื่นเขาอาจจะวิจารณ์ได้ว่า เป็นประธานวุฒิสภา ไม่ควรจะมาวิจารณ์ฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ เมื่อถามว่า ในฐานะเป็นฝ่ายบริหารจะทำอย่างไรให้ทุกฝ่ายและประชาชนสบายใจได้ว่า ประเทศไทยจะไม่ตกอยู่ในภาวะลำบากจากเรื่องนี้ นายสุเทพตอบว่า ไม่มีความรู้สึกวุ่นวายสับสนหวั่นไหวไปกับเรื่องของนายวิคเตอร์ บูท เพราะตกลง ตั้งแต่ต้นแล้วว่าจะยึดหลักปฏิบัติตามกรอบกฎหมายของเรา และกฎหมายระหว่างประเทศ มีตัวบทกฎหมายที่ต้องปฏิบัติ นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการยุติธรรมของไทย ที่ภูมิใจมั่นใจว่า เป็นมาตรฐานเดียวกับคนอื่นในโลก จึงไม่ต้องไปวุ่นวายสับสนคิดมาก จะเป็นอเมริกาหรือรัสเซีย จะมาโวยวายเราไม่ได้ทั้งนั้นเพราะทำตามกฎหมาย
"ผมเรียนแล้วว่าไม่กล้าวิจารณ์ประธานวุฒิสภา แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องแก้ไขอะไรเลย อยู่เฉยๆนายศิริโชคก็ไม่มีปัญญาที่จะทำให้ศาลเปลี่ยนคำพิพากษาได้ ศาลก็ไม่ฟังคุณศิริโชคอยู่แล้ว แล้วคุณศิริโชคก็ไม่เคยเอาสิ่งที่ไปพบกับนายวิคเตอร์ไปรายงานกับศาลหรือบวกเข้าไปในสำนวน ไม่มีอะไรเกี่ยวกัน อย่าไปโยงกัน ผมไม่หนักใจไม่กังวลว่า กรณีของนายศิริโชคจะนำรัฐบาลเข้าไปสู่ความยุ่งยาก ถ้ามีอะไรที่นายศิริโชคทำ ก็เป็นเรื่องที่นายศิริโชครับผิดชอบคนเดียว พรรคไม่รับผิดชอบด้วย รัฐบาลก็ไม่พลอยเข้าไปหุ้นด้วยอยู่แล้ว" นายสุเทพกล่าว
นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อ–ไทย กล่าวถึงกรณีนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา คนใกล้ชิดนายกฯ ไปพบนายวิคเตอร์ บูท ถึงในเรือนจำ ว่า
ถือเป็นเรื่องทะลึ่งและสับสน นายศิริโชคอ้างว่า ไปเพื่อหาข้อมูล ขอตั้งคำถามหากนายศิริโชคเกิดสนใจเรื่องโสเภณี ไม่ทราบว่าต้องเข้าซ่องไปหาข้อมูลหรือไม่ การไปคุยขอความรู้จากผู้ต้องหาในคุกถูกแล้วหรือ ทั้งนายศิริโชค และนายก–รัฐมนตรี ต่างบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ต้องหาก่อการร้ายเช่นเดียวกับนายวิคเตอร์ บูท ถือเป็นบุคคลที่ดูถูกเหยียดหยามแล้วไปหาทำไม อีกทั้งที่ผ่านมาปฏิเสธไม่เคยหารือกับ พ.ต.ท.ทักษิณ กรณีนี้ส่อให้เห็นว่าเป็นพวกหาเรื่อง การไปหานายวิคเตอร์ ขอประณามว่าพวกคุณเป็นคนประเภทคนพาล คนชั้นต่ำ ทำในสิ่งที่ไม่บังควร ขาดศักดิ์ศรีความเป็น ส.ส. ถ้าจะฟ้องร้องก็เชิญ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามระเบียบของกรมราชทัณฑ์
แม้เป็นญาติ ทนายความ ส.ส.หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าเยี่ยมในวันหยุด และนอกเวลาราชการ กรณีนายศิริโชค ลำพังกรมราชทัณฑ์คงไม่ยอมให้เยี่ยมโดยเด็ดขาด น่าจะใช้อำนาจฝ่ายบริหารที่น่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม ที่ตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะรู้เห็นเป็นใจในการขอ หรือกดดันเจ้าหน้าที่โดยทางวาจา เพื่อให้ไปดำเนินการบางอย่างเพื่อหวังผลทางการเมือง เห็นได้จากที่ภรรยานายวิคเตอร์ บูท ระบุว่า นายศิริโชคได้แนะนำตัวเองว่า เป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี ดังนั้นนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ อย่าทำตัวเป็นพ่อหล่อหลักลอย ถือเป็นการกระทำที่ก้าวก่าย แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์และกระบวนการยุติธรรม เข้าข่ายฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 ต้องถือว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายศิริโชค สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 โดยฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยจะรวบรวมเอกสารพยานหลักฐานยื่นต่อ กกต. ให้ส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้วส่งเรื่องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการควบคุมนายวิคเตอร์ บูท ในเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี
เท่าที่สอบถามทางเรือนจำกลางบางขวาง ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องขังแบบนี้มีมากในเรือนจำกลางบางขวาง ก็ต้องจัดพื้นที่ จัดวิธี จัดคนให้ดี เพื่อให้ การควบคุมดูแลดีที่สุด เนื่องจากในเรือนจำมีพื้นที่ค่อนข้างแออัด ดังนั้นกรณีของนายวิคเตอร์ บูท จะดูให้สะดวกในการดูแล โดยจะมีมาตรการต่างๆ ที่จะใช้ควบคุมให้ดีที่สุด รวมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์เข้าไปช่วยดูแลในเรือนจำกลางบางขวาง เมื่อถามว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ ข้องใจกรณีนายศิริโชค โสภา เลขานุการส่วนตัวนายก–รัฐมนตรี เข้าไปเยี่ยมนายวิคเตอร์ บูท ในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ นายชาติชายกล่าวว่า ได้ชี้แจงไปหมดแล้วตั้งแต่ เป็นข่าว ไม่อยากพูดถึงกรณีดังกล่าวอีก เนื่องจากไม่อยู่ในสถานะที่จะตอบโต้
ขณะที่ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในเขต กทม. และปริมณฑล 1,521 คน ที่มีต่อข่าวนายวิคเตอร์ บูท
ระหว่างวันที่ 26-28 ส.ค.ดังนี้ 57.71 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวพันกับทางการเมือง และอยากให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจอย่างรอบคอบ 60.19 เปอร์เซ็นต์ ให้ความสนใจ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกนำมาเชื่อมโยงกับเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นเรื่องที่สื่อไทยและต่างประเทศเกาะติด และให้ความสนใจ 37.13 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าเรื่องนี้ทำให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในที่นั่งลำบาก เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศมหาอำนาจ 72.14 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าจากข้อมูลข่าวที่ปรากฏ ประชาชนไม่เชื่อทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะถือเป็นเกมการเมืองทั้ง 2 ฝ่ายนำมาตอบโต้กัน และ 46.29 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าถ้าประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรี จะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างรอบคอบโดยคำนึงความมั่นคงของประเทศชาติเป็นสำคัญ