ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม มีมติให้ต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ใน 19 จังหวัดอีก 3 เดือน และยกเลิกประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 5 จังหวัด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
ครม.พิจารณาถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และหลักคิดว่าเราจะพยายามกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่จากรายงานเรื่องความเคลื่อนไหวที่ยังมีอยู่ รวมทั้งความจำเป็นที่ต้องมีเครื่องมือให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ และมีเสถียรภาพอีกระยะหนึ่ง ครม.จึงมีมติให้ขยายอายุของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปอีก 90 วัน ใน 19 จังหวัด และมี 5 จังหวัดที่พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคงไว้ คือน่าน นครสวรรค์ นครปฐม กาฬสินธุ์ และศรีสะเกษ เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ใช้กฎหมายปกติดูแลได้
เมื่อถามว่า ศูนย์อำนวยการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เสนอให้คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินทั้ง 24 จังหวัด
นายกฯมีเหตุผลใดที่ยกเลิกใน 5 จังหวัด นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่อยากคงไว้ทั้งหมดเป็นมุมมองที่ ศอฉ.กังวลว่ายังมีความเคลื่อนไหวอยู่เกือบทุกจังหวัด แต่เราพิจารณาใน ครม.เห็นว่ามันต้องพยายามปรับไปใช้กลไกปกติ จังหวัดที่คิดว่าน่าจะรับมือได้คือ 5 จังหวัดดังกล่าว แต่ถ้าใน 5 จังหวัดนั้นเกิดเหตุความไม่สงบขึ้นมาก็สามารถประกาศเข้ามาใหม่
ศอฉ.หวั่นนปช.ฟื้นชีพเร็วกว่าที่คิด
รายงานข่าวจากที่ประชุม ครม.แจ้งว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯด้านความมั่นคง ในฐานะผู้อำนวยการ ศอฉ. บรรยายสรุปสถานการณ์ พร้อมแจกเอกสารประมาณ 40 หน้า ให้ ครม.ทุกคนอ่าน ก่อนเรียกเก็บเอกสารกลับไปทั้งหมด ทั้งนี้ นายสุเทพกล่าวว่า ศอฉ.พิจารณาเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉินใน 24 จังหวัดอย่างถี่ถ้วน ซึ่งเห็นเหตุผลความจำเป็นในการคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ก่อน เนื่องจากมีหลักฐานความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพราะคนพวกนี้อาจรู้สึกโกรธแค้นที่ญาติสนิทและเพื่อนฝูงบาดเจ็บและเสียชีวิต บางส่วนถูกจับกุม จึงต้องการเดินหน้าโค่นล้มรัฐบาล และพยายามสร้างสถานการณ์ต่างๆ โดยพร้อมก่อเหตุตลอด ทำให้ฝ่ายความมั่นคงกังวลใจมาก
นายสุเทพกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมีความพยายามจะจุดชนวนและระดมมวลชนอย่างต่อเนื่อง
โดยคนเหล่านี้จะใช้สื่อโทรทัศน์เป็นหลัก ใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้าจะเปิดทีวีช่องใหม่ชื่อ "ทีวีเอเชีย อัพเดท" โดยมีคนหน้าเดิมๆ มาปรากฏหน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นนายการุณ โหสกุล ส.ส. กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรค พท. ฯลฯ จึงจำเป็นต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินเอาไว้ ศอฉ.เข้าใจเหตุผลและความกดดันของสังคมต่อรัฐบาล แต่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ยังเห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเวลานี้ เพราะถ้ายกเลิกตนกังวลว่าปฏิบัติการของ นปช. จะกลับมาเร็วกว่าที่คิด