กลุ่มคนหลายกลุ่มที่เขานัดหมายกัน ออกมาแสดงความเห็นเรื่อง "ประชาธิปไตย" ไม่ว่าจะเป็น "กลุ่มหลากสี" หรือ "เครือข่ายกลุ่มไทยรวมใจ"
ความจริงการแสดงออกว่าด้วยความคิดทางการเมืองนั้น ประเทศไทยควรจะได้ทำมานานแล้ว เพียงแต่ว่าที่แล้วมาเราต่างก็เข้าใจผิดว่า "การเมือง" เป็นเรื่องของ "นักการเมือง" หรือ "นักเลือกตั้ง" หรือ "นักวิชาการ" ไม่กี่กลุ่มที่สื่อนำไปเสนอข่าวเป็นประจำเท่านั้น
เราลืมไปแล้วว่า การเมือง คือ กิจกรรมประจำวันของคนสังคมประชาธิปไตย เพราะตื่นขึ้นมารับรู้ความเป็นไปของบ้านเมือง หน้าที่งานการอะไร แสดงความเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว ล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมทางการเมืองทั้งสิ้น
เราเคยเข้าใจผิดคิดว่าคนเสื้อเหลืองหรือเสื้อแดงกระมัง ที่เขามีสิทธิพิเศษอะไรบางอย่างที่จะออกมา "กดดัน" คนที่เป็นรัฐบาล ส่วนประชาชนอื่นๆ ของสังคมได้แต่นั่งตาปริบๆ คอยดูเขาทำอะไรต่อมิอะไร
จนวันนี้ พอคนมีสีเสื้อทำอะไรที่กระทบความสงบสุขของสังคม ผู้คนจึงได้เริ่มตระหนักว่า "เออ เรากับเขาต่างก็เป็นสมาชิกสังคมเดียวกัน มีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน และมีสิทธิที่จะแสดงออกเหมือนๆ กัน"
คงจะเป็นเพราะคนกลุ่มหนึ่งไปยึดถนนนั่นถนนนี่ ตามมาด้วยการยึดสนามบิน และทำเนียบรัฐบาล ของคนเสื้อเหลืองก่อน และตอนนี้คนเสื้อแดง ก็อ้างเหตุคล้ายๆ กันที่ยึดราชประสงค์ และขู่ว่าจะยึดถนนสีลม และที่อื่นๆ แล้วแต่เขาจะอยากยึด ทำให้คนไทยอื่นๆ ที่เหลือต้องลุกขึ้นมาประกาศพร้อมๆ กันว่า
"กรุณาเคารพสิทธิของฉันเหมือนที่ฉันเคารพสิทธิของคุณ"
คนเสื้อเหลือง ไปยึดทำเนียบและสนามบิน ผู้คนก็ต่อต้านคัดค้าน วันนี้คนเสื้อแดง ยึดราชประสงค์โดยไม่รู้ว่าจะยาวนานเพียงใด ผู้คนก็มีความรู้สึกเดียวกัน
ถ้ารัฐธรรมนูญให้สิทธิคนเสื้อสีนั้นสีนี้ทำโน่นทำนี่ได้ ก็หนีไม่พ้นจะต้องมีคนตั้งกลุ่ม "คนหลากสี" หรือ "คนไร้สี" ขึ้นมา เพื่ออ้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน
สังคมจะอยู่ร่วมกันได้นั้นสมาชิกในสังคมต้องเคารพในกฎกติกามารยาทชุดเดียวกัน นั่นคือ คุณต้องไม่ทำอะไรที่ตกลงกันว่าทำไม่ได้ นั่นคือ การเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย
เขาเรียกว่า "นิติรัฐ" หรือ rule of law
ชาวบ้านเรียกว่า "ขื่อแป" ของบ้านเมือง
และเขามีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่เรียกว่าตำรวจ และทหารที่กินเงินเดือนประชาชนไว้ ก็เพื่อจะได้เป็นคนทำกฎหมายเป็นกฎหมาย หากใครไม่ทำตามกฎหมาย ก็มีมาตรการที่จะจัดการเพื่อให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์