วิเคราะห์ ผลข้างเคียงที่เห็นชัด

การันตีประชาธิปไตยของเมืองไทย

ซึ่งถ้าจำกันได้ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ตอนเพิ่งเกิดเหตุยึดอำนาจหมาดๆ พล.อ. สุรยุทธ์นี่แหละ ที่เป็นคนพูดว่า จริงๆแล้วไม่ควรใช้คำว่า coup d´etat (กูป์ เดตาต์) ที่แปลว่ารัฐประหาร แต่ควรใช้คำว่า coup de grace (กูป์ เดกราซ) หมายถึงการแก้ไขเหตุการณ์ในลักษณะที่ จะไม่ทำให้เหตุการณ์นั้นเลวร้ายลงไปมากขึ้น

อ่านสถานการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว

คำว่า รัฐประหาร ยังไงมันก็น่ากลัววันยังค่ำ การยึดอำนาจหนีไม่พ้นกระเทือนภาพพจน์ ประเทศไทย หนทางเดียวที่จะผ่อนหนักเป็นเบาได้

กูป์ เดกราซ ไม่ใช่ กูป์ เดตาต์

ดูเหมือนประเทศเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนด้วยกัน อย่างลาว เขมร มาเลเซีย พอเข้าใจไม่มีปัญหา ขณะที่พี่ใหญ่เอเชียอย่างสาธารณรัฐประชาชนจีน

ไม่สนอยู่แล้วเงื่อนไขประชาธิปไตย

จะมีก็แต่พี่เบิ้มจอมจุ้นอย่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพยุโรปที่บูชาประชาธิปไตยเหนืออื่นใด อธิบายยังไงก็ไม่สน กดดันให้ทางการไทยรีบยกเลิกกฎอัยการศึก คืนสิทธิขั้นพื้นฐานให้กับประชาชนโดยไว

ก่อนจะเจอรายการพาลหาเหตุบอยคอต

font color="red">แต่นาทีนี้คงฟันธงกันแล้ว เรื่องในบ้านต้องมาก่อนนอกบ้าน

จับสัญญาณเข้มๆจาก พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นมาจะแก้ยาก ดังนั้น คิดว่าคงไม่ช้าเกินไป เพราะเมื่อประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกแสดงว่าทุกอย่างต้อง ปลอดภัยเรียบร้อย เพื่อให้ประชาชนทุกคนไม่เกิดปัญหากัน ขณะนี้คิดว่าการประกาศกฎอัยการศึกไม่ได้ส่งผลกระทบ ต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในทุกภาคส่วนของประเทศ

ท่ามกลางเรื่องหวาดเสียวรายวัน

เดี๋ยวก็พาดหัวหนังสือพิมพ์ขู่ฆ่านายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส. รุ่งขึ้นอีกวันก็โทรศัพท์ขู่ฆ่าคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ทีมยึดทรัพย์เครือข่ายระบอบทักษิณ

ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวจากหน่วยความมั่นคงทั้งในส่วนของทหารและ แหล่งข่าวจากตำรวจสันติบาลประเมินสถานการณ์ ยังมีความเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของ คมช. โดยเฉพาะการติดต่อกันของกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ หากยกเลิกกฎอัยการศึกอาจมีการเคลื่อนไหวสร้างความวุ่นวาย

เหตุผลสนับสนุนให้ล็อกกฎอัยการศึกต่อไป

อย่างไรก็ดี ในแง่ของผลทางด้านความมั่นคง เป็นเรื่องลึกเกินไปที่คนนอกจะรู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ที่แน่ๆกับผลข้างเคียงที่มาจากคำสั่งในกฎอัยการศึก

โดยเฉพาะคิวของพรรคไทยรักไทยที่ยังไร้หัว ทรงตัวไม่ขึ้น

ล่าสุดเบอร์สองอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย ได้ส่งตัวแทนยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค อ้างเหตุเบอร์หนึ่งอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดช่องน้อยไปก่อนหน้า

ลาแบบไปแล้วไปลับ

กับเหตุผลแนบท้าย จะช่วยทำให้สถานการณ์ผ่อนคลายลง และคงทำให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง เพราะตั้งแต่แกนนำพรรคไทยรักไทยทยอยลาออก บรรยากาศทางการเมืองก็ไม่ตึงเครียดและมีแนวโน้มไปสู่ความสมานฉันท์

ซึ่งก็น่าจะเป็นอะไรที่เกี่ยวเนื่องกับกระบวนท่า การเคลื่อนไหวของคู่หูเพื่อนรักอย่างนายสมศักดิ์ เทพสุทิน หัวขบวนกลุ่มวังน้ำยม ที่กำลังรวบรวมไพร่พลที่แตกทัพจากไทยรักไทย ตั้งป้อมค่าย ต่อท่อขั้วอำนาจใหม่

ได้เซียนอย่าง สมศักดิ์ วางหมากเดินเกมให้ สุริยะ

อย่างน้อยก็มีลุ้นมากกว่าอยู่นิ่งๆรอวันโดนเชือด.