นายชัยกล่าวว่า ระเบียบวาระการประชุมตามมาตรา 190 เมื่อรัฐบาลส่งมายังสภา สภาต้องรีบพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 160 วัน ตามเงื่อนไข
ส่วนประเด็นเรื่องสมานฉันท์นั้น สภาได้รับข้อสรุปของคณะกรรมการสมานฉันท์ และส่งมอบต่อไปยังนายกฯแล้ว ส่วนผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงการชุมนุมเมื่อเดือนเมษายนนั้น กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการโดยคณะกรรมการชุดดังกล่าวจะประชุมเพื่อสรุปผลการศึกษาครั้งสุดท้ายในวันที่ 3 กันยายนนี้ จากนั้นจะจัดทำเป็นรูปเล่มเสนอมายังตนอีกครั้ง เมื่อได้รับแล้วจะรวมผลการศึกษาของทั้ง 2 คณะกรรมการให้เป็นเรื่องเดียวกัน จากนั้นเชิญประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภา ประธานสภา และรองประธานสภา ทั้ง 6 คน มาประชุมปรึกษาหารือว่าจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป จึงขอแจ้งให้นายวิทยารับทราบ ซึ่งความจริงเชื่อว่าประธานวิปฝ่ายค้านทราบแล้วแต่แกล้งถามตนเฉยๆ เท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ยินดีหากประธานรัฐสภาจะนัดประชุมร่วมเพื่อให้มีการพิจารณาเป็นการเฉพาะสำหรับเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ในเรื่องข้อเสนอในรายงานผลการศึกษาของกรรมการนั้นวันที่จะไปรับรายงานนั้นมีส.ว.กลุ่มหนึ่งมายื่นหนังสือคัดค้านไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอขอคณะกรรมการ จึงเห็นว่าควรมีการพูดในสภาให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งรัฐบาลจะให้ความร่วมมือเรื่องนี้อย่างเต็มที่
นายวิทยาอภิปรายเรียกร้องนายกรัฐมนตรีกำหนดวันให้แน่ชัด เพราะไม่แน่ใจเนื่องจากเคยได้ยินว่านายกฯจะยุบสภา
โดยนายอภิสิทธิ์ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า "ผมไม่เคยบอกว่าจะยุบสภา มีแต่คนของพรรคฝ่ายค้านที่ต้องการให้ผมยุบสภา ซึ่งประเด็นนี้เป็นปัญหาของฝ่ายค้านที่ทำให้เกิดความรู้สึกสับสนเช่นกันว่าพรรคฝ่ายค้านจะให้ผมยุบสภาก่อนหรือจะให้แก้รัฐธรรมนูญก่อน ส่วนประธานสภาจะนัดประชุมตอนไหนนั้นรัฐบาลไม่มีปัญหา ยิ่งเร็วยิ่งดี"
"ขอหยิบยกผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องความสมานฉันท์ มีการนำข้อเสนอหลายข้อ การแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นมาเป็นอันดับเกือบสุดท้าย แต่สิ่งแรกคือการรับข้อเสนอวิวาทะการตอบโต้ทางการเมือง ผมมีข้อสันนิษฐานต่อไปว่าหากทำเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ บางฝ่ายก็ยังไม่หยุด ดังนั้น หากเรามาพูดคุยกันเป็นการเฉพาะก็จะเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ทางออกทางการเมืองร่วมกัน" นายอภิสิทธิ์กล่าว