ปิยบุตร สับแหลก เพื่อไทย ป้อง รมต.-อนาคตใหม่ ลุยโหวตไม่ไว้วางใจ
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง ปิยบุตร สับแหลก เพื่อไทย ป้อง รมต.-อนาคตใหม่ ลุยโหวตไม่ไว้วางใจ
ร้าวหนัก! 'ปิยบุตร' สับแหลก เพื่อไทย ป้อง รมต.ถูกซักฟอก มวยล้มต้มคนดู?
เมื่อวันที่ 27 ก.พ. นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมี ส.ส. อีก 4 คน ที่เคยสังกัดพรรคอนาคตใหม่ ยังไม่ได้อภิปราย
โดยระบุว่า [ #อภิปรายไม่ไว้วางใจ: การทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ ทำให้เสียโอกาสการอภิปราย ประวิตร อนุพงษ์ วิษณุ ในสภาผู้แทนราษฎร ]
ตั้งแต่ก่อนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพวกเราตกลงกับพรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอย่างสม่ำเสมอ เริ่มต้นจากให้แต่ละพรรคไปคิดกันเองว่าจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด ประเด็นใด พวกเรายืนยันว่าอนาคตใหม่จะอภิปราย 5 คน ได้แก่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวิตร วงษ์สุวรรณ วิษณุ เครืองาม อนุพงษ์ เผ่าจินดา และธรรมนัส พรหมเผ่า
ต่อมา มีข่าวลือเรื่อง “คุณขอมา” ไม่ให้อภิปราย ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่พวกเราไม่เชื่อว่าเป็นความจริง และเริ่มมีข้อเสนอว่าให้อภิปรายประยุทธ์คนเดียวก็พอ คนอื่นไม่ต้อง แต่พวกเรายืนยันว่าต้องอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆด้วยเพราะเตรียมงานไว้หมดแล้วรายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะถูกอภิปราย ถูกสับเปลี่ยนไปมาตลอด กว่าจะนิ่ง ต้องรอจนช่วงท้ายๆ
แม้กระนั้นชื่อของประวิตร ก็เป็นชื่อสุดท้ายที่ถกเถียงกัน จนเมื่อผมเข้าร่วมประชุมวิปฝ่ายค้านเป็นคนสุดท้าย และยืนยันว่า #อนาคตใหม่ จะอภิปรายประวิตร ในที่สุดพรรคร่วมฝ่ายค้านจึงได้ยื่นญัตติอภิปรายรัฐมนตรี 6 คน อนาคตใหม่พยายามเสนอให้แบ่งเวลาตามโควต้าพรรค แต่ก็ไม่มีความชัดเจนอนาคตใหม่ขอให้จัดลำดับประวิตรไว้ต่อจากประยุทธ์ แต่ก็ไม่ได้ จะให้อภิปรายประวิตรเป็นคนสุดท้าย
ผมเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าแปลกๆ จึงบอกให้เพื่อน ส.ส. ยืนยันว่า ต้องอภิปรายประวิตรเป็นคนที่สอง เรากำหนด ส.ส. ผู้อภิปรายและจำนวนเวลาไว้ได้มา 11 ชั่วโมง เปิดอภิปรายวันแรกรัฐมนตรีใช้เวลาตอบเยอะ จึงมีการเจรจาร่วมกันระหว่างวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้าน ซึ่งปรากฏว่าไม่มีการชวน ส.ส. ตัวแทนวิปของเราเข้าไปร่วมด้วย
ผลที่ได้ คือหลังจากผ่านการอภิปรายมาแล้ว 1 วันครึ่ง พึ่งมาตกลงแบ่งเวลากัน (นี่คือข้อเสนอของอนาคตใหม่ตั้งแต่แรกแล้วว่าให้ตกลงกันแบบนี้ก่อน แต่ไม่ทำ กลับมาทำเอาทีหลัง) สรุปว่ารัฐบาลได้ 10 ชั่วโมง ค้านได้ 21 ชั่วโมง ทีมเจรจาของวิปฝ่ายค้านไม่ดูเลยว่า ส.ส. ฝ่ายค้านที่เหลือ มีอีกกี่คน อภิปรายกันกี่ชั่วโมง
อนาคตใหม่ใช้เวลาไปเพียง 140 นาที ยังเหลืออีกเกือบ 9 ชั่วโมง แต่วิปฝ่ายค้าน (ซึ่งไม่มีอนาคตใหม่อยู่ในนั้น) กลับไปรับข้อตกลงมาว่าฝ่ายค้านเหลือเวลา 21 ชั่วโมง ซึ่งเท่ากับต้องแบ่งให้อนาคตใหม่ 9 ชม. เราเริ่มอ่านสถานการณ์ออกว่าจะมี ส.ส. อภิปรายประยุทธ์มาก จนไม่เหลือเวลาให้อภิปรายรัฐมนตรีคนอื่น
พวกเราจึงตกลงกันว่าให้อภิปรายประยุทธ์ 3 วัน และวันสุดท้ายอภิปรายรัฐมนตรีอีก 5 คนที่เหลือทุกพรรครับข้อเสนอนี้หมด แต่ข้อตกลงนี้กลับถูกทำลายลง เพียงเพราะว่า ส.ส. คนหนึ่งของเพื่อไทย ไม่ยอมมาอภิปรายประยุทธ์ในช่วงค่ำวันที่ 3 ดึงดันจะอภิปรายเช้าวันที่ 4 ให้ได้ ผมและเพื่อน ส.ส. จึงไปคุยกับอาสมพงษ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแกนนำเพื่อไทยอีกหลายคน เพื่อขอให้เป็นไปตามข้อตกลงเดิม ด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องยอม “ตามใจ” ส.ส. คนเดียว
อีกอย่างคือเรารู้ดีว่าถ้าให้ ส.ส. คนนี้อภิปรายประยุทธ์ในเช้าวันที่ 4 เขาจะใช้เวลานาน และอภิปรายพาดพิงไปยังรัฐมนตรีอีกหลายคน และรัฐมนตรีก็ต้องตอบยาว จนกินเวลาไปถึงช่วงบ่าย และทำให้อนาคตใหม่ไม่มีเวลาอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ สุดท้ายเพื่อไทยก็ไม่ยอม มาขอให้เราผ่อนผัน ด้วยการอภิปรายธรรมนัสในคืนวันที่ 3 แต่ตามกติกาไม่สามารถทำได้ เพราะยังอภิปรายประยุทธ์ไม่หมด
การเจรจาหาข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทย เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจ หรือ Final Say อยู่ที่ไหนกันแน่ ตกลงแล้ว เปลี่ยน ตกลงแล้ว เปลี่ยน คนหนึ่ง พูดอย่าง อีกคน พูดอย่าง พวกเราก็ต้องมาปรับหน้างาน โดยใช้แท็คติกอภิปรายพ่วง “ประยุทธ์-ธรรมนัส” ตามข้อเสนอของเพื่อไทย
ปรากฏว่าเพื่อไทยก็อภิปรายเกินเวลา และเอาคนมาแทรงคิว ส.ส. อนาคตใหม่ อีกจนเราได้เริ่มอภิปรายธรรมนัสตอน 23.00 น. ไปจบตอนตีสาม พอมาวันสุดท้าย วันที่ 4 ส.ส. ที่สร้างเงื่อนไขไว้ว่าจะอภิปรายประยุทธ์ตอนเช้า ปรากฏว่าก็ไม่เข้ามาประชุมเสียที จนในสภาต้องใช้ “แท็คติก” หารือถ่วงเวลาไปหนึ่งชั่วโมง จนพอได้อภิปรายก็กลับใช้เวลาเกินคนอื่นอีกร่วมชั่วโมง จากนั้นรัฐมนตรีตอบกันอีกหลายคนหลายชั่วโมง
จากการประเมินผมรู้แล้วว่า “พวกเขา” ไม่ต้องการให้เราอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ โดยเฉพาะพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ พวกเราเหลือผู้อภิปรายอีก 4 คน รวม 210 นาที และ ส.ส. ของเราที่ได้อภิปรายไปก่อนหน้านั้น ไม่มีใครใช้เวลาเกินแม้แต่คนเดียว บางคนยังเหลือเวลาด้วย เพราะพวกเราซ้อมกันมาอย่างดี
ผมจึงบอกเพื่อน ส.ส. ว่าหัวเด็ดตีนขาด ส.ส. ที่เหลือของเราต้องได้อภิปราย มิเช่นนั้น คนที่เคารพกติกา ยอมอะลุ่มอล่วยให้คนอื่น ก็จะโดนเอาเปรียบมิเช่นนั้น ส.ส. ที่ตั้งใจค้นคว้า เตรียมข้อมูล ซ้อมอย่างหนัก กลับถูก ส.ส. ที่ไม่เคารพเวลา กติกา มารยาท ข้ามหัวไปหมด
“พวกเขา” เผาเวลาของพวกเราไปเรื่อยๆ จน ส.ส. ของเราเหลือ 30 นาที จากที่เราได้ 210 นาที
“พวกเขา” เผาเวลาของเราไปเรื่อยๆ จากรัฐมนตรีที่เราต้องอภิปรายอีก 3 คน คือ ประวิตร วิษณุ อนุพงษ์ กลายเป็นได้อีกแค่ 1 คนเท่านั้น
รัฐบาลเล็งเห็นโอกาสนี้ จึงใช้โอกาสนี้เต็มที่ ไม่ยอมผ่อนผันแม่แต่น้อย เพราะรัฐบาลต้องการปกป้องรักษาพลเอกประวิตรเต็มที่ พวกเราจึงต้องวอล์คเอาท์ มาอภิปรายนอกสภา
ส.ส. อนาคตใหม่ และทีมงานเบื้องหลัง ตั้งใจทำงาน เตรียมอภิปรายมาอย่างดี แต่กลับต้องมาถูกการบริหารงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ การไม่เคารพกติกาแบบนี้ ตัดโอกาสเรา ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นญัตติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน แต่เรากลับถูก “โกง” เวลา
พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน แต่เราก็ยังเดินหน้าสู้ ส.ส. ทุกคนตั้งใจมาก พอถึงวันจริง ส.ส. “ไร้พรรค” อย่างพวกเรา ก็ยังเดินหน้าชนอย่างไม่เกรงกลัว และผลงานที่เราทำครั้งนี้ ประชาชนและสื่อมวลชนคงตัดสินได้ว่าเป็นอย่างไร น่าเสียดาย เราถูกตัดโอกาสเพียงเพราะ....
เราต้องช่วยกัน อย่าทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎรไปมากกว่านี้ หากมัวแต่ขัดขากันแบบนี้คงไม่มีทางเอาชนะเผด็จการได้ หรือแท้จริงแล้วไม่คิดจะเอาชนะเผด็จการ เพราะจะเป็นแค่มวยล้มต้มคนดู พวกเราพยายามใช้พื้นที่ของสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ เพื่ออย่างน้อยจะลดความโกรธของประชาชน ลดความไม่พอใจของประชาชน และมาแสดงออกกันที่สภาฯ ผ่านผู้แทนฯ ของเขา
เมื่อไรก็ตามที่ประชาชนสิ้นหวังกับสภาผู้แทนราษฎรและเห็นว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เมื่อนั้นการเมืองนอกสภาก็จะเข้มข้นขึ้น
ภายหลังการปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อวันที่ 27 ก.พ. เวลา 19.15 น. โดยยังมีรัฐมนตรีอีก 2 คนที่ยังไม่ถูกอภิปราย คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ซึ่งฝ่ายค้านที่จะมาอภิปรายยังเหลืออีก 5 คน ในจำนวนนี้ 4 คน คือ ส.ส. ที่เคยสังกัดพรรคอนาคตใหม่
ต่อมาเวลา 19.30 น. วันที่ 27 ก.พ.ตัวแทนฝ่ายค้านทุกพรรค ยกเว้นอดีตพรรคอนาคตใหม่ ได้มาร่วมกันแถลงข่าว ระบุว่า ฝ่ายค้านจะไม่ร่วมโหวต และไม่อยู่เป็นองค์ประชุมโดยให้รัฐบาลโหวตกันเอง
ขณะที่ประชาชนต่างแสดงความไม่พอใจที่ฝ่ายค้านจะไม่เข้าร่วมลงมติไว้วางใจในวันที่ 28 ก.พ. จนเกิดแฮชแท็กในทวิตเตอร์ #กูสั่งให้มึงเข้าสภา ติดเทรนด์อันดับ 1
กระทั่งเวลา 00.07 น. วันที่ 28 ก.พ. อดีตพรรคอนาคตใหม่ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุว่า
"แม้พรรคเราจะถูกยุบ แต่ ส.ส. อดีตพรรค #อนาคตใหม่ ทุกคน ตั้งใจจะเดินหน้าทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยในวันนี้ 28 กุมภาพันธ์ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่จะเข้าประชุมสภา เพื่อลงมติแทนประชาชนในการลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี #กูสั่งให้มึงเข้าสภา"
"แม้พรรคเราจะถูกยุบ แต่ ส.ส. อดีตพรรค #อนาคตใหม่ ทุกคน ตั้งใจจะเดินหน้าทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป โดยในวันนี้ 28 กุมภาพันธ์ ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่จะเข้าประชุมสภา เพื่อลงมติแทนประชาชนในการลงมติญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 6 รัฐมนตรี #กูสั่งให้มึงเข้าสภา"
" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น