“บิ๊กตู่” เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน หวัง! “ยกระดับความร่วมมือเดินหน้า “เศรษฐกิจภูมิภาค”
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวการเมือง “บิ๊กตู่” เปิดประชุมสุดยอดอาเซียน หวัง! “ยกระดับความร่วมมือเดินหน้า “เศรษฐกิจภูมิภาค”
นายกรัฐมนตรี แถลงเปิดประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 พร้อมผลักดันความร่วมมือ 10 ประเทศอาเซียน เน้นย้ำความสำคัญเศรษฐกิจระดับภูมิภาค รับมือความขัดแย้งทางการค้าสหรัฐฯ-จีน
วันนี้ (23 มิ.ย.62) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 โดยภายในงานมีการเปิดตัวคลังเก็บสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยของอาเซียนในประเทศไทย (DELSA) ที่ จ.ชัยนาท รวมถึงเปิดตัวศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียน ซึ่งจะช่วยยกระดับการจัดการปัญหาและภัยพิบัติทางธรรมชาติของอาเซียนให้ดียิ่งขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีของไทย ในฐานะประธานอาเซียนใช้โอกาสในระหว่างขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุม กล่าวย้ำถึงความสำคัญของการยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้สามารถรับมือกับความเปลี่ยนแปลงและแก้ปัญหาในระดับภูมิภาคและระดับโลกได้อย่างมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง หนึ่งในประเด็นสำคัญคือความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ
ถ้อยแถลงของผู้นำไทยสอดคล้องกับร่างแถลงการณ์ประธานอาเซียนที่มีการรั่วไหลออกมาก่อนหน้านี้ว่า ไทยในฐานะประธานอาเซียนเน้นย้ำถึงคำมั่นที่ให้เอาไว้ว่า จะเร่งสรุปความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ให้ได้ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่พยายามบรรลุเป้าหมายที่ได้มีการวางเอาไว้ในแผนการทำงาน RCEP ที่เห็นชอบร่วมกัน เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา โดยหวังว่าจะมีความคืบหน้าในการเจรจาความตกลงฉบับนี้ในการเจรจาครั้งต่อไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเด็นโรฮิงญาจะไม่ได้มีการพูดถึงในสุนทรพจน์ของผู้นำไทย แต่จากร่างแถลงการณ์ดังกล่าวมีการระบุถึงบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นของอาเซียนในการสนับสนุนเมียนมาเพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และอำนวยความสะดวกในกระบวนการส่งตัวชาวโรฮิงญากลับเมียนมาโดยคำนึงถึงสถานการณ์ในรัฐยะไข่
นอกจากนี้ ในร่างแถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ไทยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาทางออกที่ครอบคลุมและยั่งยืน เพื่อระบุถึงรากเหง้าของปัญหานี้และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมในรัฐยะไข่ในระยะยาว รวมทั้งเดินหน้าสนับสนุนเมียนมาเพื่อสร้างสันติภาพ เสถียรภาพและหลักนิติธรรม เพื่อส่งเสริมความปรองดองระหว่างชุมชนที่แตกต่างหลากหลาย
สอดคล้องกับท่าทีของนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่ได้เข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อวานนี้ ที่ระบุว่า กระบวนการส่งกลับผู้อพยพโรฮิงญาจะต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเมียนมาทราบดีว่าประชาคมโลกกำลังจับตามองอยู่
ขณะที่ท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการมาเลเซียออกมาเรียกร้องให้นำตัวผู้ที่ก่อให้เกิดวิกฤติต่อชาวโรฮิงญามารับโทษตามกระบวนการยุติธรรมและเรียกร้องให้เมียนมาพิจารณาประเด็นการให้สัญชาติชาวโรฮิงญาในกระบวนการส่งกลับด้วย
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางการไทยจะแสดงความเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่ามีโอกาสสูงที่จะสามารถสรุปความตกลง RCEP ได้ตามที่มีการตั้งเป้าเอาไว้ แต่จากสุนทรพจน์ของผู้นำไทย และความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อบางสำนัก เห็นตรงกันว่าอาจไม่เป็นอย่างที่คิด
ขณะที่เมื่อวานนี้ (22 มิ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หารือทวิภาคีกับ 3 ผู้นำประเทศอาเซียน เริ่มจากนายโจโก วิโดโด ผู้นำจากอินโดนีเซีย หนึ่งในหมุดหมายของการพบปะคือเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ไทย-อินโดนีเซีย ที่ยาวนานถึง 70 ปี โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชื่นชมนายโจโก วิโดโด ในการแก้ปัญหา IUU นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังแสดงจุดยืนและให้คำมั่นจะแก้ปัญหาอย่างรอบด้านร่วมกับอินโดนีเซีย
หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือกับ นายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งเวียดนามได้แสดงความเชื่อมั่นในรัฐบาลไทย พร้อมร่วมมือกันยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ส่วนอีกคนที่สื่อจับตาคือการหารือของ พล.อ.ประยุทธ์ นางออง ซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมากับประเด็นปัญหาแรงงาน ปัญหาผู้ลี้ภัย สถานการณ์ในรัฐยะไข่ โดยเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ได้โพสต์สรุปการหารือใจความสั้นๆ ว่า การหารือที่มีความราบรื่น ทำให้สามารถร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ จนสำเร็จ ด้วยความเชื่อมั่นและจริงใจระหว่างกัน
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น