อธิบดีกรมชลฯยืนยันปริมาณน้ำ ที่นครสวรรค์ยังเพิ่มต่อเนื่อง

อธิบดีกรมชลฯ เผย น้ำเจ้าพระยาที่นครสวรรค์เพิ่มสูงสุด 5,300 ลบ.ม.ต่อวินาที และเพิ่มต่อเนื่องจากฝนตกที่จังหวัดแพร่ เร่งปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสัก เตรียมปล่อยน้อยช่วงน้ำทะเลหนุน ระบุ มีน้ำไหลผ่านถึงกรุงเทพฯ 3,900 ลบ.ม.ต่อวินาที ยันคันกั้นน้ำกรุงเทพที่เสริมขึ้นสามารถรับน้ำได้

(12) นายสามารถ โชคคณาพิทักษ์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ว่า เมื่อเวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่จังหวัดนครสวรรค์ อยู่ที่ 5,300 ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นปริมาณที่ได้คาดว่าจะสูงสุด แต่อาจจะมีปริมาณน้ำจากฝนที่ตกในจังหวัดแพร่ไหลมาสมทบเพิ่มเติมอีก

สำหรับที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,244 ลบ.ม.ต่อวินาที คาดว่าเมื่อน้ำสูงสุด 5,300 ลบ.ม.ต่อวินาทีจากนครสวรรค์เดินทางมาถึงใน 1-2 วันข้างหน้า จะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที เนื่องจากก่อนที่จะมาถึงเขื่อนเจ้าพระยา มีน้ำบางส่วนถูกผันออกไปทางฝั่งตะวันตกและตะวันออก รวมทั้งบางส่วนได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะมากกว่าสถิติสูงสุดเมื่อปี 2545 ซึ่งมีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 3,930 ลบ.ม.ต่อวินาที

ขณะที่เขื่อนพระรามหก จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีปริมาณน้ำไหลผ่านจากแม่น้ำป่าสัก ลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา 656 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลให้ที่อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งน้ำไหลผ่านมาถึงกรุงเทพฯ

มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,900 ลบ.ม.ต่อวินาที แล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้เร่งปล่อยน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลงมาทางแม่น้ำป่าสักมาก เพื่อที่จะสามารถลดปริมาณปล่อยน้ำได้ในช่วงที่จะมีน้ำทะเลหนุนสูง 23-25 ตุลาคมนี้

สำหรับปริมาณน้ำที่มาถึงกรุงเทพฯ ดังกล่าว จะยังไม่ล้นคันกั้นน้ำ เนื่องจากเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนต่ำ และมีการเสริมความสูงคันกั้นน้ำที่ทำให้สามารถรับน้ำได้ประมาณ 4,000 ลบ.ม.ต่อวินาทีในช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุด ทั้งนี้ คาดว่าระดับน้ำที่สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จะคงตัวที่ประมาณ 2.12 เมตร อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นห่วงหลายจังหวัดทางด้านใต้ของนครสวรรค์ที่ต้องเฝ้าระวังเตรียมรับกับปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น ส่วนสถานการณ์ในเขื่อนใหญ่หลายแห่งที่มีน้ำเต็มนั้น ยังสามารถรองรับน้ำไว้ได้ และมีการปล่อยน้ำเท่าที่จำเป็น

แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก