
หาม สามารถ ส่งรพ.ราชทัณฑ์ อาการเริ่มไม่ดี หลังอดอาหารเกือบ 4 วัน

"สามารถ เจนชัยจิตรวณิช" ถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังอดอาหารประท้วงเกือบ 4 วัน
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงินในคดี "ดิไอคอน" ถูกส่งตัวเข้ารับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังมีอาการอ่อนเพลียและความดันตกเล็กน้อย เนื่องจากอดอาหารมาเกือบ 4 วัน เพื่อประท้วงขอความเป็นธรรม
นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้อำนวยการกองทันฑวิทยา และรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า
นายสามารถยังคงดื่มน้ำแต่ไม่ได้รับประทานอาหารตั้งแต่ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จนเกิดอาการอ่อนเพลียและความดันตก เมื่อช่วงเย็นวันที่ 27 พฤศจิกายน เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจส่งตัวไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์
สำหรับขั้นตอนการส่งตัวนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าดำเนินการโดยแพทย์ประจำเรือนจำในเวลาปกติหรือพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม นายสามารถจะได้รับการวินิจฉัยและดูแลอาการจากแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก โดยระยะเวลาที่ต้องพักรักษาตัวจะขึ้นอยู่กับผลการตรวจร่างกาย
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ยืนยันว่าจะรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับอาการของนายสามารถและการตรวจร่างกายให้ทราบในโอกาสต่อไป
ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง หรือ ทนายเตย หนึ่งในทีมทนายความของ นาย สามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหาคดีฟอกเงินที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เปิดเผยภายหลังเข้าเยี่ยม นายสามารถ ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ตนได้รับทราบว่าเมื่อคืนนี้ นายสามารถ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเช้าจึงได้เดินทางไปเยี่ยม ก็พบว่านายสามารถนั่งรถวีลแชร์มา มีเจ้าหน้าที่เข็นรถพามาที่ห้องพบทนายความ
โดยตอนที่เจอเห็นว่าอาการนายสามารถดูค่อนข้างอ่อนเพลีย คุยกันไปก็เหมือนจะวูบ สัปหงก เจ้าหน้าที่ต้องเข้ามาเช็กตลอด ซึ่งนายสามารถยังไม่ได้ทานทั้งน้ำและอาหารที่เจ้าหน้าที่นำมาให้เลยมาตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. 67 ซึ่งแพทย์ก็มีความเป็นห่วง
โดยตอนนี้ทางญาติและทนายความ ก็อยากที่จะขอย้ายตัวออกมารักษาที่โรงพยาบาลเลย แต่นายสามารถก็ได้มีการเซ็นยินยอมว่า หากเกิดอาการช็อก ไม่ต้องกู้ชีพ หากไม่ได้ประกันตัวออกมา ก็ขอยอมตายในเรือนจำเลย ซึ่งค่อนข้างเด็ดเดี่ยว ตนในฐานะทนายความก็ห้าม เพราะการเรียกร้องความยุติธรรม ต้องมีชีวิตมาเพื่อต่อสู้เรียกร้องมากกว่า แต่ก็เคารพในเจตนารมณ์ของนายสามารถ
สำหรับการยื่นประกันตัวนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการเตรียมหลักทรัพย์เพิ่ม โดยจะนำที่ดินไปประเมินเพิ่มเติม ซึ่งการยื่นขอประกันตัวก็จะนำเสนอต่อศาลถึงเรื่องอาการป่วยด้วย โดยนายสามารถก็มีอาการป่วยจากโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้วหลายโรค ตอนนี้กำลังขอคัดประวัติการรักษา ประกอบกับอาการป่วยในปัจจุบัน ซึ่งทีมทนายความกำลังพยายามทำให้รวดเร็วที่สุด เพราะก็เป็นห่วงสุขภาพของนายสามารถ หากเตรียมทุกอย่างได้ทันก็อาจจะยื่นขอประกันตัวในวันนี้เลย แต่หากไม่ทันก็จะยื่นในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ย. 67) โดยจะยื่นขอติดกำไล EM ด้วย
ซึ่งนายสามารถเอง ก็ได้ฝากจดหมายออกมาผ่านตนด้วย โดยพูดให้ตนเขียนตาม และนายสามารถเซ็นลงนาม โดยให้แนบจดหมายนี้ไปให้ศาล ในการขอยื่นประกันตัวด้วย เนื้อความในจดหมายเป็นการเรียกร้องเกี่ยวกับสิทธิในการประกันตัว แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอยื่นให้กับศาลก่อน
ทั้งนี้ทนายความของนายสามารถ ย้ำถึงเรื่องการประกันตัวว่า เป็นสิทธิโดยพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ ที่บอกไว้ชัดเจนว่าการคุมขังให้ทำเท่าที่จำเป็น และการยื่นประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน สิ่งที่นายสามารถกำลังเรียกร้องอยู่ก็ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่ที่ผ่านมามีหลายคดีที่ผู้ต้องขังไม่ได้รับการประกันตัว จนมีการฝากขังกันเต็มเรือนจำ
และคดีนี้ ดีเอสไอแจ้งข้อกล่าวหากับนายสามารถ จากความผิดฟอกเงินที่มาจากมูลฐานคดีดิไอคอนกรุ๊ป ซึ่ง ณ วันนี้ ความผิดมูลฐานมันยังไม่ชัดเจน ความผิดของดิไอคอนชัดเจนพอหรือยังที่จะแจ้งข้อหาฟอกเงิน เพื่อรวบรวมทรัพย์สินคืนให้ผู้เสียหายที่ตามที่กฎหมายระบุเจตนารมณ์ของความผิดฐานฟอกเงินไว้ หากไม่ชัดเจน สุดท้ายศาลยกฟ้อง ผู้ถูกดำเนินคดีก็ต้องสูญเสียหลายๆ อย่าง ที่กลับมาเยียวยาไม่ได้ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในหลายคดีในอดีตมาแล้ว
นอกจากนี้ยืนยันได้ว่านายสามารถไม่ได้หลบหนี มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าไปทำบุญที่ จ.เชียงราย มีคนที่ไปด้วยกันหลายคนเป็นพยานได้ และวัดห้วยปลากั้ง ก็อยู่ห่างจากสนามบินแม่ฟ้าหลวงไม่ถึง 9 กิโลเมตร มีตั๋วทั้งขาไปและขากลับ กระแสข่าวที่ว่าจะออกไปทางชายแดนนั้น จึงไม่เป็นความจริง ซึ่งพอนายสามารถทราบว่ามีหมายจับ ก็ประสงค์ที่จะเข้ามอบตัวที่ สภ.แม่ยาว ด้วย มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นพยาน
ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานนั้น ทนายความบอกว่า พยานหลักฐานต่างๆ ไม่สามารถที่จะไปยุ่งเหยิงได้อยู่แล้ว เพราะถูกอายัดไปแล้ว ดังนั้น การได้ประกันตัวออกมาชี้แจงจะเป็นประโยชน์กับตัวผู้ต้องหามากกว่า และจะเป็นประโยชน์ต่อคดีอื่นๆ ด้วย
เมื่อถามถึงเรื่องเอกสารของบอสพอล ที่ดีเอสไอตรวจพบในบ้านในวันที่เข้าตรวจค้นบ้านของนายสามารถ ซึ่งพบข้อพิรุธหลายอย่างว่าอาจเป็นเอกสารเท็จนั้น ทนายความนายสามารถ บอกว่า การยืมเงินการเป็นเรื่องของคน 2 คน หากผู้ยืมและผู้ให้ยืมยืนยันตรงกันแบบไหน ก็เป็นบุคคลสิทธิที่ทำระหว่างกัน
หากเอกสารนี้ไม่เป็นความจริง ก็คงจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งออกมาแจ้งข้อกล่าวหา บอสพอลก็คงออกมาบอกว่าไม่ใช่เรื่องจริง ที่เอาเงินไปความจริงเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ตนก็ยังไม่ได้เห็นเอกสารฉบับดังกล่าว แต่ถ้าจะมองว่าเป็นเอกสารที่สร้างขึ้นมาหรือไม่ เชื่อว่าทางดีเอสไอสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นเรื่องจริง แล้วคน 2 คนเข้าใจตรงกัน มันผิดตรงไหน
ส่วนเรื่องเงินที่บอกว่าเป็นเงินทำบุญนั้น คุณแม่ของนายสามารถได้ให้การไปแล้วในวันที่ถูกจับกุม ซึ่งมีเอกสารที่สามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง โดยเอกสารที่ยังไม่สามารถนำมาให้ได้ในวันนั้น ก็จะนำมาส่งมอบให้ภายหลัง ซึ่งคุณแม่เองก็เป็นสายบุญ สายมูเตลู ชอบทำบุญอยู่แล้ว



กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
























กระทู้ล่าสุด


รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
















































Love illusion ความรักลวงตา เพลงที่เข้ากับสังคมonline
Love illusion Version 2คนฟังเยอะ จนต้องมี Version2กันทีเดียว
Smiling to your birthday เพลงเพราะๆ ไว้ส่งอวยพรวันเกิด หรือร้องแทน happybirthday