"ทนายตั้ม" โดนแจ้งข้อหาเพิ่มในเรือนจำ หลังรวบ2 ผัวเมียคนสนิท

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 คดีทนายตั้มมีความคืบหน้าเพิ่มเติม โดย พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงพฤติการณ์เกี่ยวกับเงินจำนวน 39 ล้านบาทที่เชื่อมโยงถึง "เจ๊อ้อย" หรือ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ทางตำรวจได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน และเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ได้ขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 2 ราย คือนายนุ และภรรยา ในข้อหาฉ้อโกง นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และฟอกเงิน

  ช่วงเช้าของวันที่ 12 พฤศจิกายน ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นที่เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนรายละเอียดของพฤติการณ์กระทำความผิดนั้น พล.ต.ต.มนตรี ชี้แจงว่าอยู่ในสำนวนการสอบสวน และยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ แต่ยืนยันว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอสำหรับการออกหมายจับ และกำลังรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตรวจสอบว่ามีบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่

จากการสืบสวนพบว่าผู้ร่วมกระทำความผิดในคดีนี้ประกอบด้วยนายนุ น.ส.สาริณี และนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ซึ่งตำรวจจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อทนายตั้มในเรือนจำต่อไป

ด้านเส้นทางการเงิน 39 ล้านบาท พล.ต.ต.มนตรี ระบุว่ากำลังตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเกี่ยวข้องกับบุคคลอื่นหรือไม่ เบื้องต้นตำรวจสามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ เช่น รถหรู 2 คัน ซิมโทรศัพท์ และสมุดบัญชีธนาคารในชื่อบุคคลอื่น และจะดำเนินการขยายผลสืบสวนต่อไป

ขณะเดียวกัน พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า นายนุซึ่งเป็นผู้ต้องหาเติบโตในเยอรมนีตั้งแต่เด็ก เนื่องจากมารดาของเขาแต่งงานกับชาวเยอรมัน นายนุจึงมีความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และไอทีตั้งแต่ระดับ ปวส. และเคยทำงานที่เยอรมนีนาน 2 ปี อีกทั้งสนใจเรื่องสกุลเงินดิจิทัลมาตั้งแต่ช่วงนั้น

เมื่อกลับมาไทย นายนุได้เปิดเว็บไซต์ให้บริการดูภาพยนตร์ต่างประเทศฟรี จนถูกฟ้องจากเจ้าของลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ ต่อมาเขาได้ติดต่อให้นายษิทราเป็นทนายช่วยว่าความในคดีที่เหลืออยู่ในขั้นตอนการเจรจาค่าเสียหาย ขณะที่ในเยอรมนีนั้นจากการตรวจสอบยังไม่พบประวัติการถูกดำเนินคดี