ลูกชายเผยคำพูดแม่นาทีเกิดเหตุทางเลื่อนดูดจนต้องตัดขา พร้อมคำขอสิ่งนี้...
ทางครอบครัวกิตติรัตนา ต้องขอขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่ส่งเข้ามาอีกครั้งนะครับ อยากให้ทุก ๆ ท่านทราบจริง ๆ ว่า การได้รับกำลังใจจากคนนับหมื่นในขณะที่พวกเรากำลังเผชิญวิกฤตมันทำให้พวกเราจิตใจเข้มแข็ง และมีกำลังใจที่จะต่อสู้ปัญหาจริง ๆ ครับ
เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดกับครอบครัวของเราได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมาก วันนี้ผมขอเป็นตัวแทนของครอบครัวเป็นผู้เขียนจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 เพื่ออัพเดทเรื่องราวและสถานการณ์ทางฝั่งเรา
ส่วนที่ 1 อัพเดทอาการของคุณแม่ในเบื้องต้น
1. คุณแม่ฟื้นตัวจากการผ่าในครั้งแรก ได้ผลเป็นที่น่าพอใจในเบื้องต้น ทานข้าวได้เอง เริ่มพูดคุยได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามทางทีมแพทย์ยังลงความเห็นให้อยู่ในสถานะเฝ้าระวังการติดเชื้อ ยังคงต้องอยู่ต่อในห้อง ICU อีกสักพัก และใคร่ขอความอนุเคราะห์งดเยี่ยมเพื่อให้คุณแม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ซึ่งจะมีผลต่อการฟื้นตัวของบาดแผลและการรักษาฟื้นฟูในระยะยาว
2. สภาพจิตใจของคุณแม่เข้มแข็งมาก ๆ ครับ วันนี้เป็นวันที่ 2 หลังวันเกิดเหตุ คุณแม่บอกว่าคุณแม่จะสู้ คุณแม่จะต้องกลับมาเดินได้อีกครั้งครับ คุณแม่ได้ปรึกษากับทั้งทีมแพทย์และครอบครัวในกระบวนการรักษาฟื้นฟูระยะยาวรวมถึงการใส่ขาเทียม
ผมได้ติดต่อเพื่อน ๆ ที่ทำงานในบริษัทนวัตกรรมขาเทียมชั้นนำทั้งในในต่างประเทศ ทุก ๆ คนบอกว่ามีความเป็นไปได้มาก ๆ ที่คุณแม่จะกลับมาเดินและใช้ชีวิตได้จนเกือบเหมือนปกติครับ โดยทั้งคุณแม่และครอบครัวของเราจะสู้อย่างเต็มที่ทั้งในเรื่อง สภาพร่างกาย สภาพจิตใจ และ กำลังทรัพย์ (พวกเราดีใจมากจริง ๆ ที่ยังมีความเป็นไปได้ในเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นครั้งนี้)
อย่างไรก็ตามครอบครัวเลือกให้มีจิตแพทย์เข้าร่วมในขั้นตอนการเยียวยารักษา เพื่อให้คุณแม่ฟื้นฟูทั้งร่างกายและจิตใจครับ
3. คุณแม่ขอฝากผมมาขอโทษพี่ ๆ สื่อมวลชน และสังคมที่ยังไม่สามารถออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น ณ วันเกิดเหตุได้ เพราะตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงวันนี้ คุณแม่ยังไม่ได้มีสติสัมปัชชัญญะเต็มร้อย เพราะความตกใจ ความเศร้า และอาการของฤทธิ์ยาแก้ปวด คุณแม่ขอเวลาทุก ๆ ท่านที่เกี่ยวข้องพักฟื้นอีกสักหน่อย และขอทบทวน เรียบเรียง เรื่องราวและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งปรึกษาทนายความของครอบครัว เพื่อให้ข้อเท็จจริงที่จะได้มีเผยแพร่ออกไปให้เป็นไปอย่างตรงไปตรงมา และเป็นธรรมกับทุกฝ่ายมากที่สุด
4. คุณแม่ขอฝากขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่ได้รับจากทุก ๆ ท่านอีกครั้ง ต้องยอมรับว่าคุณแม่ไม่เคยคิดว่าจะมีกำลังใจหลั่งไหลกันเข้ามา ทั้งจาก ญาติมิตร คนสนิท คนรู้จัก และคนที่ไม่รู้จัก ทุก ๆกำลังใจช่วยเยียวยาจิตใจของคุณแม่มาก ๆ จริง ๆ ครับ
5. คุณแม่ขอให้ผมให้ข้อมูลที่เผยแพร่โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้พูดถึงถึงเหตุการณ์ในวันนั้น ท่านได้ตั้งคำถามในหลายประเด็นจากข้อสมมติฐานจากแถลงการณ์ ซึ่งทำให้คุณแม่ยังคงร้องไห้และมีอาการซึมเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางครอบครัวจึงยืนยันที่จะจำกัดการเข้าถึงข่าวสารของคุณแม่ และให้ผมผู้เป็นลูกชายคนโตเป็นตัวแทนในการสื่อสารและเปิดเผยข้อมูลจนกว่าคุณแม่จะพร้อมครับ
ส่วนที่ 2 สาส์นจากครอบครัวถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกท่าน
1. ก่อนอื่นทางครอบครัวต้องขอขอบคุณน้ำใจและกำลังใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกท่าน ที่เข้ามาเยี่ยมแสดงความจริงใจและให้กำลังใจ รวมไปถึงทางทีมผู้บริหารทางท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานไทย ผู้ติดตาม และหน่วยงานต่าง ๆ พวกเรามีความซาบซึ้งน้ำใจของทุกท่าน นอกจากกำลังใจ เรายังได้รับคำสัญญาที่จะช่วยเหลือดูแลการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่จนกว่าคุณแม่จะหายดี หรือกลับมาเดินได้ดังเดิม
ครอบครัวได้มีการพูดคุยกับทาง ผอ.ของทั้งสองหน่วยงาน ทั้งสองท่านได้ชี้แจงเจตนารมย์ที่จะรับผิดและช่วยเหลือเยียวยา จึงขอให้ครอบครัวสบายใจในกระบวนการ อีกทั้งชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้นว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดภายในเขตอาคารของการท่าฯ ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของพวกท่าน รวมไปถึงคำชี้แจงอย่างไม่เป็นทางการสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
2. คำชี้แจงจากทางครอบครัว สิ่งที่เราจะโฟกัสรองจากการรักษาของคุณแม่คือ ข้อเท็จจริง สำหรับเรื่องราวที่เกิด ทางครอบครัวได้ชี้แจงประเด็นที่เคลือบแคลงใจไปยังการท่าฯ ในประเด็นต่าง ๆดังต่อไปนี้
2.1 คุณแม่เล่าว่าในตอนเกิดเหตุ ท่านได้เดินอย่างปกติจนกระทั่งใกล้ถึงจุดสิ้นสุดทางเลื่อน (ประมาณ 2-3 แผ่นเหล็กแพลทฟอร์ม) ทางเลื่อนแผ่นหนึ่งก็ยุบตัวลงและดูดขาของคุณแม่ลงไป
2.2 คุณแม่เห็นว่าช่วงเวลาตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงการเข้าช่วยเหลือกู้ภัย ใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ถ้าหากเร็วกกว่านี้อาจจะสามารถช่วยลดการสูญเสีย หรือ ท่านอาจจะไม่ต้องเสียขาไป ทุกๆ วินาทีที่ขาท่านติดอยู่ในเครื่องมันคือทุกวินาทีที่ทรมานที่สุดในชีวิตของท่านครับ ผอ.ทั้งสองท่านก็รับปากและจะรีบตรวจสอบให้เร็วที่สุด
นาย กฤตย์ กิตติรัตนา
1 ก.ค. 2566"