รปภ.แฉพิรุธ “อ๊อฟ”? ป้ายืนยัน!! หลานเป็นคนดี เทวดามีตาหลานไม่ได้ฆ่า “น้องหญิง” (มีคลิป)
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ รปภ.แฉพิรุธ “อ๊อฟ”? ป้ายืนยัน!! หลานเป็นคนดี เทวดามีตาหลานไม่ได้ฆ่า “น้องหญิง” (มีคลิป)
จากกรณี น.ส.นรีกานต์ ยาวิราช หรือ หญิง อายุ 19 ปี เสียชีวิตปริศนาหลังจากไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งใน อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 61 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางปะอิน ได้นำตัวนายสุรพล ดาราคำ หรือ อ๊อฟ อายุ 23 ปี ผู้ชายที่ขับรถมาส่งหญิงก่อนจะเกิดเหตุมาชี้จุดที่เกิดเหตุและได้แจ้งข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
ขณะเดียวกันนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วยนายสุบิน ยาวิราช พ่อผู้ตายและบรรดาญาติ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางประอิน เดินทางไปที่จุดที่นายอ๊อฟอ้างว่าน้องหญิงกระโดดลงมาจากรถเทรลเลอร์ บริเวณสะพานกลับรถเกือกม้า มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ ก่อนถึงนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เพื่อทำแผนประกอบคดี
หลังจากนั้นจึงเดินทางไปที่โรงพยาบาลการุญเวช อยุธยา เพื่อขอดูบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่น้องหญิงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่งภายหลังจากเข้าไปติดต่อกับทางโรงพยาบาล นายอัจฉริยะ ออกมาเปิดเผยว่า ผลจากกล้องวงจรปิดทราบว่า เวลาประมาณ 06.20 น. น้องหญิงมาถึงโรงพยาบาล โดยสภาพบาดแผลมีเลือดไหลออกทางหูตลอดเวลา และบาดแผลส่วนใหญ่อยู่ทางซีกขวา ซึ่งขัดต่อคำให้การของนายอ๊อฟที่อ้างว่า น้องหญิงกระโดดลงจากรถ เพราะหากผู้ตายกระโดดลงทางประตูซ้าย จะต้องมีบาดแผลอยู่ฝั่งซีกซ้าย แล้วนายอ๊อฟยังอ้างด้วยว่าน้องกระโดดเอาหน้าคว่ำพื้น แต่กลับไม่พบบาดแผลที่บริเวณใบหน้า นอกจากนี้ยังพบว่าบาดแผลส่วนใหญ่ตามร่างกายเป็นบาดแผลจากการฟกช้ำ ไม่ใช่บาดแผลถลอก อีกทั้งยังพบว่า สภาพบาดแผลที่บริเวณท้ายทอย ยังมีสภาพที่คล้ายกับถูกของแข็งตี ส่วนตัวนายอัจฉริยะจึงไม่เชื่อว่าเป็นการกระโดดลงจากรถ ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ตั้งข้อสังเกตด้วยว่า หากลักษณะของน้องหญิงมีเลือดไหลออกมาตามใบหู แล้วนายอ๊อฟมีการอุ้มน้องขึ้นไปบนรถ สภาพน้องต้องมีเลือดไหลหยดออกมาตามเบาะรถ แต่ปรากฎว่าไม่พบคราบเลือดบนรถเทรลเลอร์ ส่วนอาวุธที่คาดว่าคนร้ายจะใช้ก่อเหตุนั้น ตามหลักแล้วรถเทรลเลอร์จะต้องมีไม้หรือชะแลงเหล็กไว้เคาะยางรถยนต์ แต่ไม่มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เก็บหลักฐานตรงนี้ไว้หรือไม่ ส่วนตัวค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเกิดจากอะไร แต่จะต้องรอผลชันสูตรจากทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ก่อนว่า มีการถูกล่วงละเมิดทางเพศหรือมีสารเสพติดในร่างกายของผู้ตายหรือไม่
สำหรับภาพกล้องวงจรปิดที่โรงพยาบาลนั้น ไม่มีภาพบันทึกว่าเป็นรถเทรลเลอร์หรือรถกระบะที่เข้ามาจอด แต่ได้ฟังคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าเป็นรถเทรลเลอร์ที่เข้ามาจอดในโรงพยาบาล
ด้าน นายสุบิน ยาวิราช บิดาผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนยังเชื่อมั่นว่าลูกไม่ได้กระโดดลงมาจากรถเองและมั่นใจว่านายอ๊อฟเป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา น.ส.เป็ด เพื่อนน้องหญิง ไม่ได้ติดต่อมาหาครอบครัว ตนยังคงสงสัยว่าทำไม น.ส.เป็ด จึงปล่อยให้หญิงไปกับนายอ๊อฟ ส่วนตัวเคยเห็น น.ส.เป็ดมาหาลูกสาวที่บ้าน 1 ครั้ง แต่ไม่แน่ใจว่าสนิทสนมกันมากน้อยแค่ไหน
ส่วนกรณีที่มีญาติของนายอ๊อฟมาติดต่อยื่นขอเสนอเรื่องเงินช่วยเหลือครอบครัวนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่อจริง แต่ตนไม่แน่ใจว่าใช่ญาตินายอ๊อฟจริงหรือไม่ เนื่องจากตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย และไม่ทราบจำนวนเงิน
ขณะที่ นายแหวน (นามสมมติ) พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาล เปิดเผยว่า ตนจำได้ว่าผู้ต้องหาขับรถเทรลเลอร์มาจอดในโรงพยาบาลช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.05-06.10 น. ซึ่งขณะนั้นตนเข้าใจว่าเป็นรถพยาบาลแต่ก็รู้สึกเอะใจว่าทำไมรถจึงไฟสว่าง เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ จึงพบว่าเป็นรถสิบล้อ ตนจึงเดินเข้าไปเพื่อให้รถออกไปจอดลานด้านนอก เนื่องจากรถเทรลเลอร์ขับเข้ามาจอดตรงจุดจอดส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ตนไม่เห็นว่ามีคนเจ็บอยู่บนรถ และไม่ทันได้สังเกตว่ามีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยอย่างไร จึงไม่แน่ใจว่าเวรเปลหรือผู้ต้องหาเป็นคนอุ้มน้องหญิงลงจากรถ ตนมาเห็นอีกทีก็ตอนคนเจ็บอยู่บนเตียงพยาบาล และมีแพทย์กำลังทำ CPR อยู่ แต่ตนได้มีโอกาสถามนายอ๊อฟว่าคนเจ็บเป็นอะไรมา ซึ่งนายอ๊อฟบอกว่า น้องตกรถ ด้วยท่าทางพูดรัวๆ อาการสั่นๆ ตนจึงคิดว่ามีพิรุธ และคงเมาสุรามาด้วย เพราะได้กลิ่นแอลกอฮอลล์จากร่างกายของนายอ๊อฟ โดยตอนแรกตนเข้าใจว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกัน เพราะเมื่อนายอ๊อฟส่งผู้บาดเจ็บถึงห้องฉุกเฉิน ก็ยังคงเดินวนไปมาบริเวณหน้าห้องเพื่อรอดูอาการ จนกระทั่งเวลาประมาณ 06.30 น. เพื่อนผู้หญิง 2 คนของผู้บาดเจ็บก็เข้ามาติดต่อที่โรงพยาบาล
จากนั้นทางโรงพยาบาลได้ส่งผู้ป่วยไปอีกโรงพยาบาล ซึ่งขณะนั้นนายอ๊อฟก็ยังขับรถเทรลเลอร์ออกไปในเวลาเดียวกัน แต่ตนไม่แน่ใจว่านายอ๊อฟได้ขับรถตามไปอีกโรงพยาบาลหรือไม่ โดยขณะนั้น ตนก็เห็นนายอ๊อฟนิ่งๆ แต่ดูท่าทางมีกังวล ซึ่งตนยืนยันได้ว่า นายอ๊อฟเป็นคนมาส่งน้องหญิงที่โรงพยาบาล ไม่ใช่รถกระบะขับมาส่งน้องหญิงตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายแหวน กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้ทราบจากพนักงานในโรงพยาบาลว่าสภาพบาดแผลตามร่างกายไม่น่าเชื่อว่ามีการกระโดดรถ เพราะไม่มีรอยถลอกตามร่างกาย อีกทั้ง ช่วงดึกคืนนั้นมีฝนตกลงมา หากกระโดดลงจากรถก็น่าจะมีรอยดินหรือหญ้าติดตามร่างกายบ้าง แต่ยอมรับว่าอาการน้องหญิงค่อนข้างสาหัสจึงมีการส่งผู้ป่วยไปอีกโรงพยาบาล
ด้าน น.ส.ภาณิศา ยาวิราช อาของน้องหญิงผู้ตาย ระบุว่า หลังจากนี้ก็จะรอผลชันสูตรร่างของน้องหญิงในวันที่ 31 ก.ค. 61 นี้ ซึ่งเบื้องต้นค่อนข้างชัดเจนว่าน้องหญิงเสียชีวิตจากการถูกของแข็งตี แต่ยังไม่ได้ดูภาพว่าเป็นไม้หรือเหล็ก ซึ่งจะต้องไปดูผลการเอกซเรย์อีกครั้ง ยอมรับว่าตอนนี้รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างแต่ยังไม่มากนัก เพราะคดียังไม่สิ้นสุด ส่วนการเผาศพน้องหญิงนั้นยังไม่มีกำหนด หากคดีเสร็จสิ้นจึงจะกำหนดวันเผาอีกครั้ง สำหรับความรู้สึกของพ่อน้องหญิง แรกๆ คุณพ่อก็ต้องดำเนินการหาหลักฐานเพียงลำพัง แต่ยังเริ่มต้นไม่ค่อยเป็น เพราะไม่เคยสูญเสียเช่นนี้ ตอนนี้มีนายอัจฉริยะเข้ามาช่วยเหลือก็รู้สึกเบาใจขึ้น
สำหรับกรณีของ รุ้ง พยานที่โทรศัพท์คุยกับน้องหญิงนั้น นางสาวภาณิศา ระบุว่า ก็มีการพูดคุยปรึกษากันตลอดในด้านคดี และอธิบายข้อมูลบางอย่างที่จะต้องถูกกันไว้เป็นพยาน ซึ่งตนยังไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดจอดรถเทรลเลอร์ นายสมชาย (นามสมมติ) เพื่อนนายอ๊อฟ ในฐานะคนดูแลพนักงานขับรถ เปิดเผยว่า นายอ๊อฟมาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึง 1 ปี แต่มีนิสัยกี ขับรถดี จนได้เลื่อนการขับรถจากรถบรรทุกขนาดเล็ก มาเป็นรถบรรทุก 10 ล้อได้ ซึ่งปกติแล้วการขับรถบรรทุกเทรลเลอร์ จะเป็นรถใครรถมัน โดยบริษัทมีข้อห้ามเรื่องเสพยาเสพติด ห้ามการดื่มสุราหน้างาน ห้ามเล่นการพนัน และห้ามขับขี่รถออกนอกเส้นทาง ซึ่งรถคันที่นายอ๊อฟขับขี่ก็เป็นรถคันเดียวที่ติดเครื่องจีพีเอสรุ่นใหม่ หากไม่รูดบัตรประจำตัวผู้ขับขี่ก็จะมีการตัดน้ำมัน ซึ่งระบบจีพีเอสใหม่ สามารถบอกข้อมูลได้ว่า รถจอดกี่ครั้ง ใช้น้ำมันไปเท่าไร ผู้ขับขี่ขับรถออกนอกเส้นทางหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ปกติรถบรรทุกจะไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่ลูกเมียหรือญาติขึ้นรถ เนื่องจากกังวลว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ที่ผ่านมาอ๊อฟก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุ จนมากระทั่งเรื่องน้องหญิง และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันก็มาเกิดอุบัติเหตุถูกรถชนท้ายอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้อ๊อฟยังไม่เคยทะเลาะวิวาทในที่ทำงาน แม้จะดื่มสุราก็ไม่มีปัญหานี้
นายสมชาย บอกอีกว่า หลังจากเกิดเรื่อง นายอ๊อฟได้โทรศัพท์มาแจ้งตนว่ามีเด็กกระโดดลงจากรถ โดยบอกเป็นเด็กที่เพื่อนวานให้ไปส่งที่หอพัก ตนก็ถามสถานที่เกิดเหตุ จากนั้นก็แนะให้เรียกประกัน ไม่คิดว่าเรื่องจะใหญ่โตเช่นนี้ ทั้งนี้จากที่สอบถามนายอ๊อฟ ทราบว่าวันดังกล่าวนายอ๊อฟขับรถอยู่ในความเร็วประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วในระดับรถบรรทุก โดยหากคนกระโดดลงไปอาจได้รับบาดเจ็บหนักได้ ส่วนตัวไม่ทราบใครผิดถูกและตนก็ไม่ได้ถามอ๊อฟ เพราะมองเป็นเรื่องส่วนตัว
ด้าน นางอุบล ดาราคำ ป้าของนายอ๊อฟ เปิดเผยข้อมูลว่า หลานตัวเองเป็นคนดีระดับหนึ่ง เป็นคนมีความรับผิดชอบ ไม่เถลไถล ยังต้องรับผิดชอบหาเงินส่งค่างวดรถ ค่าเช่าบ้าน เลี้ยงลูก ส่งเงินให้กับย่าที่ต่างจังหวัด พร้อมถามกลับว่าหากเป็นเด็กเกเรจะเป็นเช่นนี้หรือไม่ โดยตัวเองกล้ายืนยันว่าเลี้ยงหลานมากับมือ ไม่เคยมีพฤติกรรมก้าวร้าว ไม่เคยมีประวัติมีคดีความ แม้กรณีที่มีข่าวว่าหลานตนเคยข่มขืนหญิงสาวมาก่อนครั้งหนึ่ง ก็ไม่เป็นความจริง
โดยนางอุบลได้ยกมือพนมไหว้ พร้อมกล่าวบนบานขอให้เทวดาได้เห็นว่าหากหลานตนไม่ได้ก่อเหตุ หลานตนไม่ผิด ขอให้ความยุติธรรมกับหลานตนบ้าง อย่างไรก็ตามหลังเกิดเรื่องตนได้มีโอกาสคุยกับหลาน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายอ๊อฟเพิ่งวิ่งงานเสร็จ หลังจากนั้นก็ไปกินข้าวและไปรับ น.ส.เป็ด ที่ห้องพัก เพื่อไปร้านสุรา แต่ระหว่างทางน้องหญิงที่ยังอยู่ที่ห้องพักได้โทรศัพท์หา น.ส.เป็ด พร้อมร้องไห้และพูดประมาณว่าให้มารับไปด้วย หากอยู่ห้องต้องตาย ทำให้หลานตนต้องวนรถกลับไปรับที่ห้อง ก่อนจะไปร้านเหล้าและเกิดเรื่องตามที่เป็นข่าว
นอกจากนี้ นายอ๊อฟยืนยันกับตนว่า ไม่ได้ไปก่อเหตุลวนลามหรือแสดงพฤติกรรมหึงหวงตามที่เป็นข่าว ตนก็เสียใจกับครอบครัวที่สูญเสียแต่หลานตนไม่ได้ทำ ไม่ผิดก็ต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้อยากถามว่าหากผู้ตายกลัวหลานตนจริง เหตุใดช่วงที่จอดรถอยู่ในปั้มน้ำมันเพื่อเติมน้ำมัน ไม่ลงจากรถมาขอความช่วยเหลือ ในปั้มพนักงานก็มีมาก และก็จอดในปั้มนานกว่า 30 นาที อีกทั้งอ๊อฟก็มีครอบครัวแล้ว แต่งงานกับภรรยามากว่า 10 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ไปมีใครใหม่ มั่นใจว่าหลานตนไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ
นางอุบล ยังระบุว่า หลังเกิดเหตุน้องหญิงกระโดดจากรถ หลานตนก็ยังลงไปช่วย ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยรถเทรลเลอร์ไปส่งเลย ตนเป็นกังวล ครอบครัวไม่มีเงินไปจ้างทนายความในการสู้คดี ก็อาจจะทำให้แพ้คดีได้ แต่เชื่อว่าความยุติธรรมมีอยู่ และเทวดาฟ้าดินจะเห็นว่าหลานตนไม่ได้ทำ อย่างไรก็ตามไม่เคยคิดหนี หลังเกิดเรื่องอ๊อฟยังทำงานปกติ เมื่อตำรวจเรียกไปพบก็ให้ความร่วมมือ
รับชมวิดีโอได้ที่นี่
VVVV
VVV
VV
V
ที่มา : amarintv.com
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!" ประกาศ "
ร่วมแสดงความคิดเห็น