"พระองค์ท่านก็มีความเป็นห่วงประชาชน แม้ทรงประทับรักษาที่ รพ.ศิริราช แต่เมื่ออาการประชวรดีขึ้น ก็ทรงงานตลอด โดย พ.ศ.2538 พระองค์ท่านประทับในศิริราช เมื่อพระอาการดีขึ้น พระองค์ก็ทรงงาน ซึ่งขณะนั้นมีปัญหาเรื่องจราจรติดขัด จะข้ามจากฝั่งพระนครไปยังทิศตะวันตก พระองค์ท่านทรงคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ ทรงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหา ในเวลาเดียวกันก็นึกถึงศิริราชที่พระองค์ประทับรักษา โดยอะไรที่ช่วยศิริราชได้ ท่านก็คำนึง อย่างกระแสไฟฟ้าดับกะทันหัน ซึ่งทำให้หัตถการต่างๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ โดยไฟฟ้าสำรองก็ไม่ทันการ พระองค์ท่านได้ริเริ่มให้มีการพัฒนา จนไฟติดทันที และทรงเป็นห่วงและรับสั่งให้กระผมติดตามเรื่องนี้ว่า ได้ดำเนินการติดตั้งเรื่องไฟฟ้าเสร็จหรือยัง ซึ่งพระองค์คำนึงถึงคนไข้คนอื่นๆ ด้วย" ศ.เกียรติยศ นพ.สงครามกล่าว
ศ.เกียรติยศ นพ.สงครามกล่าวว่า ต่อมาเมื่อพระองค์ท่านเสด็จฯมาประทับอีก ก็มีโครงการอื่นๆ อีกมากมาย โดยพระราชทานแนวคิดต่างๆ ในการทำงานร่วมกันกับแพทย์ต่างๆ ในต่างประเทศ กระผมรู้สึกว่า พระองค์ทรงมองไกล เป็นการพัฒนาความรู้ให้กับศิริราชด้วย และในการศึกษาวิจัยต่างๆ พระองค์ท่านก็มีวิสัยทัศน์ในเรื่องนี้ ในเรื่องแพทยศาสตร์ศึกษา ชาวศิริราชประทับใจเป็นอย่างยิ่ง พระองค์ท่านมีความเมตตากับชาวศิริราช มีความรักต่อชาวศิริราช อย่างในปี 2558 พระราชทานอุทยานสาธารณะ ซึ่งอยู่เบื้องหน้าแม่น้ำเจ้าพระยา พระราชทานให้ชาวศิริราชมีความสุข ทำงานก็มีที่พักผ่อนหย่อนใจ แม้แต่คนไข้ นักศึกษาแพทย์ หรือประชาชนทั่วไปก็สามารถใช้สถานที่ในการเป็นปอดให้กับศิริราช จะเดินออกกำลังกาย นั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ และพระราชทานชื่อที่มีความหมาย คือ "อุทยานสถานภิมุข" อย่างไรก็ตาม จากความผูกพันเกิดจากความรักความเอาใจใส่ของพระองค์ท่าน และขอให้ชาวศิริราชสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ต่อไป