4 ก.พ. จากเรื่องราวกระแสฮอตและถูกวิพาษ์วิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับเรื่องการหลบหนีทุนการศึกษาของ น.ส.ดลฤดี จำลองราษฎร์ อดีตอาจารย์ภาควิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผลให้ผู้เซ็นค้ำประกันต้องชดใช้หนี้แทนกว่า 10 ล้านบาทนั้น ล่าสุด น.ส.ดลฤดี ได้ส่งจดหมายถึงสำนักข่าวเนชั่น เพื่อชี้แจงถึงเรื่องนี้ โดยระบุว่า..
"ระหว่างสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยและข้อกล่าวหาต่างๆ ทางออนไลน์ เกี่ยวกับสัญญาเรื่องทุนการศึกษา ที่ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน และตัวดิฉันที่ได้เซ็นไว้กับมหาวิทยาลัยมหิดลในปี ค.ศ. 1993 โดยมีบางคนที่อาจจะไม่ได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงทุกประการในเรื่องที่ซับซ้อนอย่างมาก และไม่เป็นปกติ (เช่นเรื่องนี้) หรือบางคนที่อาจจะเร่งรีบสรุปเกี่ยวกับตัวดิฉัน (ซึ่ง)เรื่องนี้นับว่าเป็นประเด็นส่วนตัว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ วิทยาลัยทันตแพทย์ศาสตร์แห่งฮาร์วาร์ด
จุดที่สำคัญที่สุดที่ดิฉันอยากจะเน้นก่อนอื่นในแถลงการณ์นี้ คือว่าดิฉันมีเจตจำนงมาตลอดที่จะชำระคืนทุนการศึกษาที่ดิฉันได้รับมาจากมหาวิทยาลัยมหิดล - ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของการ(ทำงาน) รับใช้ หรือว่าในรูปตัวเงิน ดิฉันได้ร้องขอให้มีความยืดหยุ่นมาโดยตลอด ในเรื่องของช่องทางการชำระคืน ตัวอย่างเช่น (ได้เสนอยื่น)แผนการชำระคืนในระยะที่ยาวกว่าเดิม แทนที่จะเป็นการจ่ายเงินก้อนโตภายใน 30 วัน แต่ก็ถูกปฏิเสธ และเนื่องจากความยากลำบากในด้านการเงินและเรื่องส่วนตัว ที่เกี่ยวกับสถานะทางวีซ่า และการปฏิเสธต่ออายุหนังสือเดินทาง โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ดิฉันไม่สามารถทำงานได้เป็นเวลาหลายปี และด้วยการสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อนฝูง คนไข้ และเพื่อนร่วมงานของดิฉัน ดิฉันจึงสามารถได้รับสถานะทางวีซ่าคืน และเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ในที่สุด
นับแต่นั้นมา ดิฉันได้แสดงถึงความต้องการที่จะแสดงความรับผิดชอบในเรื่องการชำระเงิน(กู้ยืมทุนการศึกษา)คืน ทั้งโดยวาจา โดยผ่านอีเมล และโดยทางโทรศํพท์กับ ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉันมาโดยตลอด และดิฉันได้ดำเนินการชำระคืนบ้างแล้วบางส่วนในช่วงที่เป็นไปได้ ดังนั้นข้อกล่าวหาที่ว่าดิฉันได้พยายามหลบหนีและหลีกเลี่ยงภาระการชำระคืน จึงไม่เป็นความจริง
เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยมหิดลได้บังคับใช้เส้นตาย(การชำระหนี้)กับผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน ซึ่งเป็นเส้นตายที่ไม่ได้มีการสื่อสารต่อให้ดิฉันได้รับรู้ จนกระทั่งมหาวิทยาลัยมหิดลได้ลงมือบังคับใช้โดยกระทันหัน โดยดิฉันได้รับเงินจากสินเชื่อส่วนตัวเป็นจำนวน ห้าหมื่นดอลลาร์สหรัฐฯ และได้ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉันไปแล้วเมื่อเดือนเมษายน (พ.ศ. 2558) และดิฉันยังได้ร้องขอว่า ให้ทางมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ขยายเส้นตาย(การชำระเงินส่วนที่เหลือ)ออกไปอีกเพื่อที่ดิฉันจะได้มีเวลาพอที่จะหาเงินมาเพิ่มเติมเพื่อชำระเงินทุนการศึกษาในส่วนที่เหลือผ่านทางผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน
และโดยที่ปราศจากการผ่อนผันจากมหาวิทยาลัยมหิดล ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉันได้ทำเรื่องขอสินเชื่อส่วนตัวเพื่อชำระหนี้แทนดิฉัน และดิฉันได้ให้สัญญากับพวกเขาว่า เงินทั้งหมดที่เขาได้ชำระให้กับมหาวิทยาลัย(ตามสัญญาค้ำประกัน)ไปแล้ว จะได้รับชำระคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย หลังจากที่ดิฉันได้รับเงินสินเชื่อที่จำเป็นเพิ่มเติมมาอีกในอนาคต ซึ่งขณะนี้ดิฉันก็กำลังดำเนินการที่จะเสาะหาเงินเพิ่มเติมมาอีก และดิฉันได้ขอร้องอีกว่า ขอให้ดิฉันได้มีเวลาเพิ่มที่จะชำระเงินคืนแก่ผู้ร่วมลงชื่อกับดิฉัน
และโดยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ดิฉันหวังว่ากรณีนี้จะมีผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใน(หลักเกณฑ์)การอนุมัติให้ทุนการศึกษา และระบบใข้ทุนคืนในประเทศไทย - ซึ่งเป็นระบบที่จะอนุญาตให้มีทางออกเสริมที่มีเหตุผลและเป็นประโยชน์ต่อสำหรับผู้ได้รับทุน ที่จะสามารถชำระเงินคืนได้"