โรงพยาบาลศิริราชได้รับการส่งต่อคนไข้คือนางอุษา ทิเย็นใจ มาจากโรงพยาบาลสมุทรสาคร เมื่อต้นปี 2549 หลังจากที่ตรวจพบว่าการตั้งครรภ์ของนางอุษา ซึ่งขณะนั้นมีอายุครรภ์ประมาณ 26 สัปดาห์ เป็นทารกฝาแฝดที่มีตัว หัวใจ และตับติดกัน ซึ่งไม่เคยพบมาก่อนในประเทศไทย กรณีดังกล่าวถือว่าพบได้น้อยมาก ประมาณ 1 : 50,000-1 : 100,000 ของการตั้งครรภ์ปกติ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น และน่าสนใจ ไม่เฉพาะวงการแพทย์เท่านั้น แต่ยังเป็นที่สนใจของประชาชนโดยทั่วไปอีกด้วย
เนื่องจากแฝดที่มีลำตัวติดกัน ที่มีชื่อเสียงรู้จักกันทั่วโลกคู่แรก คือ แฝดอิน-จัน ซึ่งเกิดในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. 2354 หรือเกือบ 200 ปีที่ผ่านมา และได้รับฉายาว่าแฝดสยามนั้น มีแต่เฉพาะตับที่ติดกันเท่านั้น
คณบดีคณะแพทยศาสตร์กล่าวอีกว่า นางอุษามารดาของเด็กแฝด ได้คลอดเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2549 โดยการผ่าตัดเมื่ออายุครรภ์ได้ 36 สัปดาห์ แฝดทั้งคู่มีน้ำหนักแรกคลอดรวมกันประมาณ 3,570 กรัม มีลำตัวด้านหน้าติดกันตั้งแต่บริเวณทรวงอกลงมาถึงผนังหน้าท้อง จากการตรวจโดยละเอียดพบว่ามีตับติดกันเป็นบริเวณกว้างและยังมีหัวใจเชื่อมต่อกันด้วย หลังคลอดทารกได้รับการตั้งชื่อว่า ด.ญ.ปานวาด และ ด.ญ.ปานตะวัน และได้รับการดูแลรักษา จนกระทั่งทีมแพทย์ได้ตัดสินใจผ่าตัดแยกร่างเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2550
ในขณะที่ทารกทั้งคู่อายุได้ 8 เดือน มีน้ำหนักตัวรวมกัน 10.9 กิโลกรัม หลังจากผ่านการตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะตับที่ติดกันเป็นบริเวณกว้างแล้ว ยังมีหัวใจเชื่อมต่อกันด้วย โดยหัวใจห้องบนขวาของแฝดพี่คือ ด.ญ.ปานตะวัน เชื่อมกับหัวใจห้องบนซ้ายของแฝดน้องคือ ด.ญ.ปานวาด และมีเลือดจาก ด.ญ.ปานตะวันไหลผ่านมายัง ด.ญ.ปานวาด ตลอดเวลา ทำให้คณะแพทย์ไม่แน่ใจว่าหัวใจทั้งสองดวงมีการทำงานโดยพึ่งพากันหรือไม่ และการแยกร่างโดยการตัดรอยเชื่อมต่อของหัวใจ อาจเป็นอันตรายต่อฝาแฝดคนหนึ่งคนใดได้
จนในที่สุดกุมารแพทย์ต้องสวนหัวใจด้วยสายสวนติดบัลลูน เข้าไปปิดบริเวณรอยเชื่อมต่อของหัวใจ เสมือนเป็นการแยกหัวใจชั่วคราว ปรากฏว่าไม่เกิดผลเสียต่อทารกทั้งสองแต่อย่างใด