ศาลสั่งจำคุก 1,562 ปี "คู่รักสุดแสบ" คดีร่วมปลอมลายมือชื่อ-ใช้บัตรเครดิตรูดค่าน้ำมัน
วันนี้ (27 ต.ค.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่อัยการฝ่ายเศรษฐกิจและทรัพยากร เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.สุดาวดี หรือชญานันท์ รอดมณี อายุ 29 ปี ชาว จ.พิษณุโลก และนายภาธร ชิงดวง อายุ 29 ปี ชาวกรุงเทพมฯ ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐาน ร่วมใช้บัตรอิเลคทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ อันจะก่อให้เกิดความเสียหาย โดยโจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 4 ก.ย.52 ระบุความผิดสรุปว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 31 พ.ค.49-17 ธ.ค.50 จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นคู่รักกัน ได้ร่วมกันกระทำผิดโดยจำเลยที่ 1 เป็นพนักงานบริษัท รีเทลลิงค์ ประเทศไทย จำกัด ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นพนักงานสถานีบริการน้ำมันแห่งหนึ่ง ร่วมกันใช้บัตรอิเลคทรอนิคส์ เชลล์ ฟลิต การ์ด ของบริษัทรีเทลลิงค์ฯ ผู้เสียหาย ที่มีไว้เพื่อให้พนักงานบริษัท ใช้ชำระแทนเงินสดค่าบริการน้ำมันกับสถานีบริการน้ำมันยี่ห้อหนึ่งทั่วประเทศ ด้วยการปลอมรายชื่อของพนักงานบริษัทผู้เสียหาย จำนวน 29 ฉบับ รวม 1,533 ครั้ง เป็นเงิน 2,100,665 บาท ไปเป็นของตนเองโดยทุจริต โดยจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ซึ่งศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่าฝ่ายโจทก์มีพนักงานบริษัทผู้เสียหาย เบิกความยืนยันสอดคล้องต้องกัน มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น ทำให้เชื่อว่าจำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างวาระกันให้ลงโทษทุกกรรม จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสองคน ฐานเอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่นรวม 29 กระทง ๆ ละ 1 ปี และฐานปลอมและใช้เอกสารบัตรเครดิตในการใช้ชำระค่าสินค้าแทนเงินสด อีกคนละ 1,533 กระทง ๆ 1 ปี รวมลงโทษจำเลยทั้งสองคนละ 1,562 ปี แต่ชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้าง จึงเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 4 คงจำคุกจำเลยที่ 2 ไว้เป็นเวลา 1,171 ปี 6 เดือน
อย่างไรก็ดีตามกฎหมายเมื่อรวมโทษแล้ว คงจำคุกจำเลยไว้ได้ไม่เกิน 20 ปี จึงให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 20 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนเงิน 2,100,665 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คืนแก่บริษัท รีเทลลิงค์ ผู้เสียหายด้วย โดยให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากที่ศาลแขวงนนทบุรี เคยมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 คดีลักทรัพย์ อีก 3 เดือนด้วย