คมชัดลึก : "ชินวรณ์“ สั่งปิดเทคโนฯบางกะปิ 7 วัน ฐานก่อเหตุซ้ำซาก ขณะที่ ศธ.เล็งส่งหัวโจกก่อเหตุซ้ำซาก ไปทำเข้าค่ายวิวัฒพลเมืองละลายพฤติกรรม บำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ท้าทาย 3 จังหวัดชายแดนใต้ ระบุเป็นข้อเสนอของประชาชน เตรียมส่ง เลขาฯ กพฐ. หารือรายละเอียดกับกองทัพ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 6 ก.ย. ที่รัฐสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.)
แถลงข่าวหลังประชุมร่วมกับโรงเรียนกลุ่มเสี่ยงระดับมัธยมศึกษา จำนวน 40 โรง รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เครือข่ายผู้ปกครอง เพื่อมาร่วมกันกำหนดมาตรการแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษา ก่อเหตุทะเลาะวิวาทที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันพรุ่งนี้ (7ก.ย.) ว่า ตนได้ลงนามสั่งปิดสถาบันเทคโนโลยีบางกะปิเป็นเวลา 7 วัน นับตั้งแต่วันนี้(6 ก.ย.) เพราะถือว่า ก่อเหตุซ้ำซาก
ส่วนการประชุมครม.วันพรุ่งนี้จะชี้แจ้งมาตรการแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทของ ศธ.
ซึ่งให้สถานศึกษากลุ่มเสี่ยงดำเนินการตามอยู่แล้ว นอกจากนั้น ศธ.จะเสนอมาตรการเชิงรุกในการแก้ปัญหาเพิ่มเติม ที่สำคัญ คือ มาตรการให้ สพฐ.นำเรียนกลุ่มเสี่ยงที่ได้จากการแนะของสถานศึกษาไปรับการอบรมละลาย ปรับพฤติกรรม ซึ่งในกรณีที่นักเรียนก่อเหตุรุนแรง หรือซ้ำซาก จะส่งบำเพ็ญสาธารณะประโยชน์ในพื้นที่ท้าทายที่ต้องมีความรับผิดชอบสูง เช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้มอบให้นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(กพฐ. ) ไปเตรียมจัดงบประมาณรองรับไว้ แต่มาตราการดังกล่าวให้ใช้กับนักเรียนอาชีวศึกษาด้วย
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า มาตรการส่งตัวไปบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ท้าทายนั้น จะดำเนินการจริง
เพราะเห็นว่า นักเรียนกลุ่มเสี่ยงควรจะร่วมรับผิดชอบผลของการกระทำของตัวเองและมาตรการนี้ก็เป็นข้อเสนอที่สังคมเรียกร้องกัน อย่างไรก็ตาม ได้มอบให้เลขาธิการ กพฐ. ไปวางรายละเอียดมาเสนอ นอกจากนั้น ยังมีมาตรการเชิงรุกอื่น ๆ ที่จะให้สถานศึกษากลุ่มเสี่ยงดำเนินการ โดยจะให้สถานศึกษากลุ่มเสี่ยงทุกแห่งทำระบบข้อมูลประวัตินักเรียน ประวัติผู้ปกครอง พร้อมภาพถ่ายและให้นำข้อมูลและภาพถ่ายส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่และกองสารวัตรนักเรียน กระทรวงศึกษาธิการ โดยให้สถานศึกษาทำข้อมูลและนำส่งให้เรียบร้อยภายใน 7 วัน อีกทั้ง ศธ. จะประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาท โดยให้เฝ้าระวังเด็กกลุ่มเสี่ยง สถานศึกษากลุ่มเสี่ยง และสถานที่เสี่ยงที่จะเกิดเหตุ เช่น มาบุญครอง สยามสแควร์ เป็นต้น
ชินวรณ์เล็งส่งหัวโจกลงใต้ปิดเทคโนบางกะปิ7วัน
อีกทั้ง จะให้สถานศึกษาตั้งภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
ตั้งแต่ เครือข่ายเพื่อนช่วยเพื่อน เครือข่ายผู้ปกครอง เครือข่ายภาคีสถานศึกษาที่อยู่ใกล้กันและภาคีเครือข่ายกลุ่มอาสาสมัครต่างๆ ที่จะเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา เช่น เครือข่ายตำรวจครูติดตามพฤติกรรมนักเรียน ที่สำคัญจะมีการตั้งภาคีเครือข่ายระดับกระทรวงด้วย โดย ศธ. จะเป็นเจ้าภาพเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงยุติธรรม กรุงเทพมหานคร (กทม.) และ สตช. มาประชุมร่วมกัน เพื่อแบ่งภาระกิจที่แต่ละหน่วยงานจะดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วน อย่างไรก็ตามที่ประชุมมีข้อเสนอแนะว่าปัญหาตีกันของนักเรียนมัธยมศึกษา จะเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เพราะฉะนั้นควรจะมีการบูรณาการหลักสูตรปลูกฝังการสร้างความเป็นพลเมืองดีไว้ในวิชาต่างๆ สร้างวินัย สร้างความรับผิดชอบและความภาคภูมิใจ เพื่อให้เด็กมีเจตคติที่ถูกต้อง ในการอยู่ร่วมกันในสังคม
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมได้เสนอแนะให้มีการทำวิจัยค้นหาข้อมูลการแก้ปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทที่ได้ผลสำเร็จทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พร้อมวิจัยด้วยว่าปัญหานักเรียน นักศึกษาก่อเหตุทะเลาะวิวาทของไทยมีสาเหตุจากอะไร เพื่อสามารถวางแผนแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ อีกทั้งมีข้อเสนอแนะขอให้ ครม. ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขอให้ครม.มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำงานเชิงรุกร่วมกัน ขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและองค์กรในสังคมต่างๆ ช่วยกันรณรงค์สร้างค่านิยมให้เด็กไทยมีเจตคติอยู่ร่วมกันแบบสันติไม่นิยมความรุนแรงและให้ผู้ปกครองร่วมรับผิดชอบต่อการแก้ปัญหานี้ด้วย อีกทั้งจะต้องมีการปรับปรุงกฎหมายให้ครอบคลุมต่อปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ ตนได้ย้ำเน้นขอความร่วมมือเป็นพิเศษ ให้ สป.ศธ. สนับสนุนนโยบาย โดยการจัดทำคู่มือ ประชาสัมพันธ์ กับ หน่วยงานต่าง ๆนักเรียน เพื่อให้ตระหนักรู้ว่าปัญหาเหล่านี้เราจะต้องร่วมกันแก้ไขปัญหาให้หมดไป ขณะที่ กทม.ให้ข้อมูลว่า จะติดตั้งกล้อง CCTV ตามจุดเสี่ยงครบ 10,000 ตัวภายในปี 2554
ด้านนายชินภัทร กล่าวว่า มาตรการส่งไปบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ท้าทายนั้น เป็นข้อเสนอของสื่อและข้อเสนอของประชาชนสะท้อนผ่านจอโทรทัศน์
หากเด็กมีพฤติกรรมรุนแรงก่อเหตุซ้ำซากทำให้ผู้อื่นเสียหายเดือนร้อน ให้ส่งไปบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติในพื้นที่ๆ มีความเสี่ยงและต้องการวีรบุรุษ โดยจะจัดกิจกรรมในลักษระกิจกรรมวิวัฒนพลเมือง ซึ่ง ศธ.เคยดำเนินการร่วมกับกองทัพ ส่งเด็กที่มีปัญหาพฤติกรรมเข้าค่ายกับกองทัพเพื่อละลายพฤติกรรม เพียงแต่กรณีนี้จะส่งไปเข้าค่ายกับกองทัพที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แทน ข้อเสนอนี้ต้องการป้องปรามให้เด็กที่มีพฤติกรรมรุนแรงขยาดกลัว