หนุ่มใหญ่เมืองรถม้า ถูกหนอนชอนไชใบหน้าที่เป็นแผลเน่าสาเหตุเริ่มต้นจากการไปถอนฟันแล้วเกิดเป็นตุ่มผื่นตามใบหน้าจนลุกลามติดเป็นมะเร็งกินเนื้อ สาธารณสุขชี้เป็นระยะสุดท้ายฟันธงนอนรอความตายประมาณ 6 เดือน...
เรื่องราวของหนุ่มใหญ่ถูกตัวหนอนไชเนื้อตัวเองจากแผลเน่ารายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 10.00 น.
ที่บ้านเลขที่106/2 หมู่ 13 ต.ปงยางคก อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง มีคนป่วยนอนซมอยู่ในบ้านด้วยความทรมานจากแผลเน่าที่ใบหน้าอีกทั้งถูกตัวหนอนปนอยู่กับบาดแผลจึงเดินทางไปสอบถามนายสุข วงค์เขียวแดง อายุ 46 ปี เป็นคนป่วยและเป็นเจ้าของบ้านดังกล่าว โดยภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนั่งเคียงข้างเฝ้าสามีที่กำลังนอนซมอยู่บนฟูกด้วยท่าทางทุกข์ทรมานโดยใบหน้าของนายสุข ผู้ป่วยมีบาดแผลที่เน่าดั้งจมูกจนหายไป ตลอดจนแก้มซ้ายแก้มขวามีแผลเหวอะหวะเน่า มีกลิ่นเหม็นโชยมาเป็นระยะ
โดยนางสมภพ วงค์เขียวแดง อายุ 40 ปี ภรรยา กล่าวว่า เริ่มต้นสามีของตนเองป่วยมาตั้งแต่ปี 2550 ที่ผ่านมา
ในครั้งนั้นสามียังแข็งแรงและมีใบหน้าเป็นปกติจากนั้นเริ่มมีอาการปวดฟัน มีเหงือกบวมตามมา และฟันโยกคล้ายจะหลุดจึงใช้มือเกาตามด้านนอกและด้านในเหงือกจากนั้นก็ไปถอนฟัน จากนั้นประมาณ 10 กว่าวันก็มีตุ่มออกที่แก้มซ้ายและแก้วขวาและบริเวณดั้งจมูก และเริ่มเป็นแผลกว้างขึ้นเรื่อยมาจากนั้นจึงนำสามีไปที่ รพ.มหาราช จ.เชียงใหม่ และแพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจพิสูจน์และผลแจ้งมาว่าสามีของตนเองเป็นมะเร็งเนื้องอกหรือมะเร็งกินเนื้อจากนั้นก็ได้กลับไปที่บ้าน และซื้อยาแก้ปวดมากินเองจากนั้นเรื่อยมาแผลก็ขยายกว้างขึ้นมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งจมูก แก้ม เกือบหายไปทั้งหมด ส่งผลให้สายตาเริ่มมองไม่เห็นกินน้ำ กินข้าวและลำบาก และหายใจได้ยากขึ้น จนมีร่างกายผอมโทรม และเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้มีหนอนชอนไซอยู่ในบาดแผลที่เน่าจำนวนเป็นร้อยแต่ไม่ใช่เป็นตัวหนอนที่พบในครั้งเดียวซึ่งตัวหนอนไต่ออกมาจากบาดแผลใบหน้าของสามีครั้งละ 7-8 ตัว ซึ่งรวมแล้วทั้งหมดพบตัวหนอน 130 กว่าตัว
ถอนฟันเป็นเหตุ หนอนไชหน้า อยู่ได้อีก6เดือน
ส่วนตัวเองได้กล่าวกับสามีว่าจะพาไปตรวจที่ รพ.ห้างฉัตร ซึ่งอยู่ใกล้บ้านแต่ทางสามีบอกว่าไม่อยากออกนอกบ้านและไม่อยากไปพบหมอเนื่องจากกลัวอายและขอรอวันตายดีกว่า ตนเองจึงไม่ขัดใจเมื่อสามีไม่อยากไป
ทางด้านนายแพทย์ชิโนรส ลี้สวัสดิ์ แพทย์ชำนาญการ รองสาธารณสุขจังหวัดลำปาง กล่าวว่าคนไข้รายนี้ตนเองเพิ่งทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้นซึ่งยังไม่ได้ไปพบคนไข้แต่ในเบื้องต้นตามคำบอกเล่าของนางสมภพ ภรรยาของคนป่วยที่บอกว่าสามีมีแผลตามใบหน้าเต็มจมูกและแก้มหายไปเกือบหมดจนลุกลามไปเป็นเชื้อมะเร็งนั้นตามวิชาการของแพทย์แล้ว การถอนฟันไม่น่าจะเป็นสาเหตุของการเป็นมะเร็งและการโยกฟันด้วยมือนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด แต่เมื่อมีตุ่มขึ้นตามใบหน้านั้นอาจจะเป็นเนื้องอกหรือเป็นเนื้อร้ายตามธรรมชาติคือมะเร็งแล้วลุกลามไปทำรายเนื้อดีของคนเราซึ่งเป็นเซลล์ธรรมชาติ
สำหรับผู้ป่วยรายนี้นับเป็นมะเร็งเนื้องอกที่อันตรายที่สุดในประเทศไทยมีผู้ป่วยชนิดนี้น้อยมากในจำนวน 100,000 คน จะเป็นมะเร็งชนิดนี้ไม่ถึง 10 คน
ซึ่งโรคมะเร็งชนิดนี้เมื่อใครเป็นแล้วไม่อยากออกนอกบ้านไปไหนเนื่องจากเนื้อดีจะถูกเนื้อร้ายกินขึ้นตามใบหน้าก็หาย หรือตามหน้าอก หน้าอกก็จะเป็นแผลอย่างน่ากลัว ส่วนหนอนที่พบในแผลใบหน้านั้นเกิดขึ้นได้แน่นอนเนื่องจากเป็นแผลที่เน่า แมลงไปวางไข่ก็จะเป็นตัวหนอน ซึ่งตามรายงานแล้วคนไข้รายนี้มีบาดแผลที่เน่าและมีกลิ่นเหม็น แต่อย่างไรก็ตามตนเองจะได้ให้นายแพทย์โอฬาร ยิ่งเสรี ผอ.รพ.ห้างฉัตร เดินทางไปที่บ้านของนายสุข วงค์เขียวแดง ผู้ป่วยรายนี้แล้ว และให้นำมารายงานกับตนเองให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ช่วยเหลือคนป่วยได้ ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตอยู่อีกไม่ถึงปีก็ตามก็จะเข้าช่วยเหลือไปก่อน
ด้านนางสมภพ ภรรยาผู้ป่วย กล่าวอีกว่าทุกวันนี้สามีกินแต่ยาแก้ปวดซึ่งหาซื้อตามตลาดมาประทังชีวิตไปวัน ๆ เท่านั้น ไม่ได้ทำให้อาการของสามีดีขึ้นแต่อย่างใด ส่วนครอบครัวก็ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากตนเองต้องหาเงินรับจ้างคนเดียว ต้องดูแลลูกอีก 2 คน อีกทั้งบางวันก็ปล่อยให้สามีอยู่บ้านตามลำพังจึงวอนให้ผู้ใจบุญ หรือหน่วยงานราชการเข้ามาช่วยเหลือครอบครัวของตนเองด้วย