รถทัวร์หลับในอัด18ล้อ-ตาย3เจ็บ13

รถทัวร์พุ่งชนท้ายพ่วง 18 ล้อดับ 3 ศพ สายกรุงเทพฯ-ลำพูนสยอง เผยสองยายหลานตั้งใจไปทำบุญ-ดูหมีแพนด้าที่เชียงใหม่ สุดโชคร้ายนั่งด้านหน้าสุดดับทั้งคู่ ส่วนสาวใหญ่ขาขาดทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตอีกราย ผู้โดยสารบาดเจ็บกว่า 13 ราย ตร.สงสัยโชเฟอร์หลับใน

เมื่อเวลา 04.50 น. วันที่ 9 ต.ค. พ.ต.ท. สมพงษ์ บุญมาประเสริฐ พนักงานสอบสวนเวร สภ.เกาะคา จ.ลำปาง

รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์ชนกับรถพ่วง 18 ล้อ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 671-671 ถนนสายลำปาง-กรุงเทพฯ ขาเข้าเมืองลำปาง บ้านนาแก้ว ต.นาแก้ว อ.เกาะคา มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หลังรับแจ้งจึงรายงานให้พ.ต.อ.สุวัฒน์ สิทธิพรหม ผกก.สภ. เกาะคา พร้อมรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ โดยประสานไปยังเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเกาะคา, กู้ภัย อ.เกาะคา, กู้ภัย ต.นาแก้ว, กู้ภัยทต.นาแก้ว, ทต.วังพร้าว และสมาคมกู้ภัย จ.ลำปาง เข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบรถทัวร์ปรับอากาศสองชั้นของบริษัท บขส.999 สีฟ้าขาว เลขข้าง ม1(ข) 924-612 กรุงเทพฯ-ลำพูน หมายเลขทะเบียน 13-2069 กทม.

จอดขวางอยู่กลางถนน ทำให้การจราจรติดขัดยาวเหยียด สภาพรถทัวร์ฝั่งซ้ายชนยุบติดกับท้ายรถพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้ออีซูซุสีขาวของบริษัทลำปางประสบสุข หมายเลขทะเบียน 70-4189 พ่วงท้าย 70-4190 ลำปาง พังยับเยิน เศษกระจกหน้ารถแตกกระจัดกระจายเกลื่อนถนน รวมกับถุงปูนซีเมนต์และเศษปูนที่ร่วงออกมาจากรถพ่วง 18 ล้อ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยกันลำเลียงผู้บาดเจ็บ ส่งโรงพยาบาลเกาะคาอย่างเร่งด่วน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย คือนางสุรีภรณ์ ศรีสิริ อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 16/9 ม.11 ซ.สามัคคี 34 ถ.สามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี

สภาพขาหักห้อยรุ่งริ่ง กระดูกซี่โครงหัก เสียเลือดมาก ส่วนอีกรายคื ด.ช.ณัฎฐกร สุขสังวรณ์ อายุ 9 ขวบ ซึ่งเป็นหลานชายของนางสุรีภรณ์ที่นั่งมาคู่กัน เสียชีวิตเนื่องจากศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง แพทย์โรงพยาบาลเกาะคาพยายามช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่เด็กทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส 3 ราย คือนางคุณลักษณ์ เรขา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/24 ม.2 ตลาดบางเขน หลักสี่ กทม. ถูกกระแทกอย่างแรงจนท่อปัสสาวะแตกและกระดูกสันหลังหัก นายวราวุธ สืบศักดิ์ อายุ 18 ปี อยู่บ้านเลขที่ 585/176 ซ.10 ถ.รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กทม. และนางสุธาทิพย์ วัฒนนิจ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118 ถ.รอบเมืองนอก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ลำพูน ขาขาด 1 ข้าง กระดูกซี่โครงหัก เจ้าหน้าที่ส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง แต่นางสุธาทิพย์เสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลางอีกจำนวน 13 คน

จากการสอบถามนางเรวดี ศรีสิริ อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนางสุรีภรณ์ และเป็นมารดาของด.ช.ณัฎฐกร กล่าวด้วยอาการเศร้าสลด

น้ำตานองหน้าว่า ตนกับแม่และลูกชายขึ้นรถทัวร์คันดังกล่าวออกจากกรุงเทพฯ เวลาประมาณสองทุ่มกว่า เพื่อจะเดินทางไปทำบุญที่จ.ลำพูน จากนั้นจะพาลูกไปดูหมีแพนด้าที่จ.เชียงใหม่ โดยแม่และลูกชายนั่งเบาะด้านหน้าสุดด้านซ้ายมือติดกับห้องคนขับ ส่วนตนนั่งถัดมาเป็นแถวที่สอง ในรถมีผู้โดยสารมาด้วยกันประมาณ 20 คน ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณตีสี่ผู้โดยสารส่วนใหญ่กำลังนอนหลับ ขณะนั้นตนได้ยินเสียงรถชนกับอะไรบางอย่างดังมาก พร้อมกับหน้ารถฝั่งที่ตนนั่งอยู่ถูกกระแทกอย่างแรงรู้สึกจุกและเจ็บตามร่างกาย กระจกรถแตกเกลื่อน ทุกคนในรถต่างแตกตื่นและกรีดร้องเสียงดัง

ส่วนผู้โดยสารคนอื่นที่พอจะช่วยเหลือตัวเองได้ก็พยายามช่วยกันเปิดประตูรถและช่วยกันออกจากรถ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ

จึงทราบว่าแม่ของตนเสียชีวิตอยู่ภายในรถ ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ตนรู้สึกเสียใจมากที่ต้องสูญเสียทั้งแม่และลูกไปพร้อมกัน ไม่คิดว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเอง จากการสอบสวนนายชิน ดอกบัว อายุ 37 ปี บ้านเลขที่ 92 ม.8 ต.หนองคล้า อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร คนขับรถพ่วงสิบแปดล้อ ให้การว่า ตนขับรถบรรทุกปูนซีเมนต์มาจาก อ.เถิน เพื่อจะนำไปส่งที่จ.เชียงใหม่ โดยขับชิดถนนเลนในมาเรื่อยๆ และไม่ได้ขับเร็วนักเพราะรถบรรทุกของหนักประกอบกับช่วงเช้าหมอกลงจัดมาก ขณะขับรถอยู่ดีๆ มีรถพุ่งเข้ามาชนท้ายรถของตนอย่างจัง ทำให้รถไถลไปด้านหน้าประมาณ 20 เมตร และเครื่องรถดับทันที ตนจึงรีบวิ่งลงไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ก็พบว่ารถทัวร์ของบริษัทบ.ข.ส. คันดังกล่าวชนติดอยู่กับท้ายพ่วง มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือ จึงแจ้งตำรวจและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเกาะคาให้มาช่วยเหลือ

ส่วนคนขับรถทัวร์ทราบชื่อภายหลังว่า นายเพทาย อ่อนละมูล อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 30 ม.6 ต.โรงช้าง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้รับบาดเจ็บเศษกระจกบาดและถลอกตามร่างกายเพียงเล็กน้อย แต่ยังมีอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าคนขับรถทัวร์อาจจะมีอาการหลับใน หรืออาจเป็นเพราะช่วงเช้ามีหมอกลงจัดมาก ทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ย่ำแย่ หากไม่สังเกตดีๆ หรือรถคันหน้าไม่เปิดไฟท้าย จะมองไม่เห็นรถที่ขับอยู่ด้านหน้า ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำตัวนายเพทาย ไปสอบสวนอย่างละเอียดที่สภ.เกาะคา เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์