อธิบดีศาลอาญา เห็นแย้งคำพิพากษา ชี้ควรประหาร บรรยิน
ศาลพิพากษาประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน และนายณรงค์ศักดิ์ ฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวเป็นเหตุให้ผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย และร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนข้อหาแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน และสวมเครื่องแบบเจ้าพนักงาน จำคุกข้อหาละ 1 ปี และซ่อนเร้นทำลายศพ จำคุก 4 ปี
ขณะที่นายมานัส ทับทิม จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานสนับสนุนให้กระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนฯ ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนายชาติชาย เมณฑ์กูล / นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และ ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด วจีสัจจะ พิพากษาประหารชีวิต ฐานร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ทั้งหมดให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้ 1 ใน 3 ให้คงโทษจำคุกตลอดชีวิต ส่วนนายมานัสเหลือจำคุก 33 ปี 4 เดือน ซึ่งโทษของ พ.ต.ท.บรรยิน ให้นับต่อจากคดีโอนหุ้นจำคุก 8 ปี ของศาลอาญากรุงเทพใต้
ขณะที่ นายบวรศักดิ์ ทวิพัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้มีความเห็นแย้ง คำพิพากษาขององค์คณะผู้พิพากษา ชี้เห็นควรประหารชีวิต พ.ต.ท.บรรยิน กับพวกอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา ระบุเป็นอดีตนักการเมืองและ ส.ส.พฤติการณ์ร้ายแรง ไม่ยำเกรงกฎหมายควรลงโทษสถานหนัก แต่กลับคำให้การรับสารภาพภายหลังเพราะจำนนต่อหลักฐาน
ด้านนายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า การทำความเห็นแย้งของอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนั้น เป็นไปตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 11 โดยความเห็นแย้งดังกล่าวจะถูกแนบไปพร้อมกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นเพื่อประกอบการพิจารณา หากมีการนำคดีขึ้นสู่ศาลสูงต่อไป