จอมขวัญ ติดต่อ “2 พยาน” ของบอสไม่ได้ เปิดวิเคราะห์ความเร็วรถหรูเกิดกำหนดหรือไม่!?

ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ สำหรับ คดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังระดับโลก วัย 31 ปี ขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่ชนรถ จยย.ของ ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิตบนถนนสุขุมวิท เหตุเกิดเมื่อเช้ามืดวันที่ 3 ก.ย.2555 แล้วหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ จนถูกออกหมายจับ รวมทั้งออกหมายแดงตำรวจสากล (อินเตอร์โพล)

หลังจากการสั่งคดียืดเยื้อมากว่า 7 ปี ความผิดบางข้อหาหมดอายุความไปแล้ว เหลือแต่คดีใหญ่ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอายุความ 15 ปี แต่อัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องโดยฝ่ายตำรวจไม่มีความเห็นแย้งอย่างเงียบๆ ทำให้ บอส อยู่วิทยา กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอถอนหมายจับทั้งในประเทศและหมายแดงของตำรวจสากล หลังความแตกสร้างกระแสความไม่พอใจให้คนในสังคมอย่างรุนแรง ถึงขนาดหน่วยงานอัยการ ตำรวจ รวมไปถึงรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งตรวจสอบคดีที่เกิดขึ้น

คืบหน้าล่าสุดมีรายงานว่า คดีดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดแล้ว ตำรวจยันไร้อำนาจรื้อฟื้นคดี ไม่สามารถแก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงความเห็นได้อีก

อย่างไรก็ตาม รายการ ถามตรงๆกับจอมขวัญ ได้เปิดโต๊ะพูดคุย และ วิเคราะห์ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ คดีดังกล่าว โดยมีการเชิญ พ.ต.ต.ชวลิตร เลาหอุดมทรัพย์ อดีตข้าราชการตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานกลางมาร่วมพูดคุย

เปิดเผยว่า หน้าที่ในการเรียกสอบสวนรถที่อยู่ในกล้องวงจรปิดเป็นของพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบถามมาเฉพาะความเร็วรถของ บอส อยู่วิทยา จึงส่งผลคำนวณความเร็วไปเพียงคันเดียว

ส่วนความเร็วตอนลงพื้นที่เกิดเหตุครั้งแรกเมื่อปี 2555 ในเบื้องต้นสามารถคำนวณความเร็วจากระยะเวลาในกล้องวงจรปิดกับระยะทางที่วัดได้ 31 เมตร โดยรถใช้เวลาไม่ถึง 1 วินาทีในการผ่านกล้อง จึงอนุมานได้ว่า ความเร็วรถต้องมากกว่า 100 กม./ชม. อย่างแน่นอน แต่หากมองคลิปจากกล้องวงจรปิดเพียงอย่างเดียว ภาพนิ่ง หรือดูจากร่องรอยความเสียหายของรถทั้ง 2 คัน จะไม่สามารถบอกความเร็วของรถได้เลย

จอมขวัญ ติดต่อ “2 พยาน” ของบอสไม่ได้ เปิดวิเคราะห์ความเร็วรถหรูเกิดกำหนดหรือไม่!?

ความเป็นไปได้เรื่องที่ บอส อยู่วิทยา อาจจะแตะเบรกหลังจากหลุดเฟรมกล้องวงจรปิดไปแล้วจนความเร็วเหลือไม่ถึง 80 กม./ชม. เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อหลุดจากเฟรมกล้องไปแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าเขาอาจแตะเบรก หรือทำอะไรนอกเหนือกว่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือจะต้องยึดความเร็วในการขับปกติเป็นหลัก นี่คือสาระสำคัญในการออกกฎหมายควบคุมความเร็ว เพราะหากขับมาเร็วเกินไปเมื่อเกิดเหตุจะไม่สามารถตัดสินใจได้ทัน

สำหรับการดำเนินการเรื่องนี้ในสภาฯ จะต้องหาข้อเท็จจริงให้ครบถ้วนต่อไป หากองค์ใดยังปิดอยู่คงต้องใช้กลไกลสภาในการเรียกเอกสาร หรือสอบถามเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนที่สุด หากกระบวนการนี้ถูกต้องประชาชนจะได้หมดข้อกังขา หรือหากกระบวนการไม่ถูกต้องจะได้มีโอกาสรื้อฟื้นคดีใหม่ต่อไป.

ด้านประเด็น 2 พยาน ที่ทำให้ คดี "บอส กระทิงแดง" พลิกผัน ซึ่งทางรายการพยายามติดต่อเพื่อพูดคุยถึงข้อเท็จจริง แต่อย่างไรก็ตามทางพยานทั้ง2ราย ปฎิเสธที่จะให้การสัมภาษณ์