บุกค้นรังปลาร้า ‘แม่มณี’ยึดทรัพย์สินอื้อ รวมทั้งทองปลอม

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ยรรยง เวชโอสถ รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ รอง ผบช.ภ.4 นายปราโมทย์ ธัญญพืช รอง ผวจ.อุดรธานี พ.ต.อ.กฤต ปัตลา รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี พ.ต.อ.สรายุทธ ฉ่ำผิว ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ร่วมติดตามความคืบหน้าคดี “โกงแชร์ออมเงิน-ออมทองแม่มณี”

หลังจากตำรวจอุดรธานีออกหมายจับ น.ส.วันทนีย์ หรือ เดียร์ หรือ แม่มณี ทิพย์ประเวช อายุ 30 ปี เจ้าของวงแชร์ฯ และนายเมธี หรือบอส ชิณภา อายุ 20 ปี สามีหนุ่ม และเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ ซ.จินตคาม ทน.อุดรธานี และบ้านของแม่นายเมธี ชุมชนพาสุกมั่นคง ทน.อุดรธานี ส่วนบ้านของแม่ น.ส.วันทนีย์ บ้านเอื้ออาทรอุดรธานี 3 ม.1 ต.บ้านจั่น อ.เมือง จ.อุดรธานี ยึดทองรูปพรรณปลอม , ตู้เซฟ 3 ตู้ , รถยนต์เก๋ง ขนาดเล็ก ยี่ห้อเชอรี่ มาเก็บไว้ที่ กก.สส.ภ.จว.อุดรธานี

จากนั้น พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 พร้อมคณะ เดินทางเข้าทำการตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ตามหมายค้นของศาล จ.อุดรธานี ตรงข้ามกับอาคารพาณิชย์ที่ค้นเมื่อวาน ซึ่งอาคารหลังนี้มีชื่อ นางนธวัลรัตน์ ทิพย์ประเวช อายุ 47 ปี มารดาของ น.ส.วันทนีย์ เป็นผู้ครอบครอง พบว่าที่ชั้นล่างมีกล่องน้ำปลาร้าสำเร็จรูปตรา “ปลาร้า แม่มณี” 2,500 กล่องๆละ 12 ขวด ส่วนชั้นอื่นไม่พบสิ่งของ จากนั้นข้ามเข้าตรวจอาคาร 3 คูหา โดยเฉพาะชั้น 3 ที่ตกแต่งเป็นห้างทองแม่มณี ตบตาผู้เสียหายให้หลงเชื่อ ว่าเป็นเจ้าของร้านทองจริง

โดยทุกอาคารติดป้ายประกาศ ว่า “มาตรา 4 ผู้ใดยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลายซ่อนเร้น ไปเสียทำให้สูญหาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งเอกสารหรือบันทึกข้อมูล หรือทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้ หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พรบ.นี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สภ.เมืองอุดรธานี

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผบช.ภ.4 เปิดเผยว่า อาคารพาณิชย์ของ น.ส.เดียร์ มีการตกแต่งเป็นร้านทอง แต่เป็นทองปลอมทั้งหมด เพื่อที่จะอัพเกรดตัวเองว่าเป็นเจ้าของร้านทอง สร้างความน่าเชื่อถือกับเหยื่อมาร่วมลงทุน ซึ่งหลังจากศาลออกหมายจับแม่มณี และนายบอส สามีแล้ว และยังอยู่ระหว่างหลบหนี ทางตำรวจอุดรธานี และตำรวจสืบสวน ภาค 4 กำลังเร่งติดตามจับตัวทั้ง 2 คน ที่น่าจะยังอยู่ในประเทศ คาดว่าจะได้ตัวในเร็ว ๆ นี้

“ วิธีการหลอกลวงเป็นรูปแบบเดิมๆ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอุทธาหรณ์ เพื่อจะไม่ได้ตกเป็นเหยื่อแบบนี้ ซึ่งถึงขณะนี้ในเขตตำรวจภูธรภาค 4 ทั้ง 12 จังหวัด มีมูลค่าความเสียหาย 140 ล้านบาท มีผู้เสียหายมากกว่า 244 คน โดยที่อุดรธานีมีผู้เสียหายมากที่สุด 220 คน มูลค่าเสียหาย 115 ล้านบาท มีผู้ที่เสียหายมากที่สุด 20 ล้านบาท นอกนั้นกระจายกันไป หลักล้านถึงหลักหมื่น หลักพัน ขณะนี้ตำรวจกำลังสืบสวนขยายผล มีใครร่วมขบวนการอีก เราจะดำเนินการอย่างเต็มที่ ไม่มีละเว้นผู้ใด ”

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ ตอบคำถาม ดีเอสไอ. รับเป็นคดีพิเศษว่า

เราจะประสานไปทางดีเอสไอว่า เราจะต้องดำเนินการไปอย่างไร ที่จะบูรณาการร่วมกัน ทั้ง ดีเอสไอ. ทางตำรวจภูธรภาคต่าง ๆ และทาง บก.ปอศ. ที่เราจะต้องประชุมปรึกษาหารือกันอีกว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะขณะนี้ยังไม่ส่งสำนวนไปให้ ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน

“ นอกจากนี้ทาง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้แต่งตั้งเป็นพนักงานสอบสวน ระดมพนักงานสอบสวนฝีมือดีมาร่วมทำคดี ซึ่งทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ให้ความสำคัญ ที่ต้องสืบสวนขยายผลให้ถึงรากถึงโคน ว่ามีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่อย่างไร แต่ทั้งนี้ต้องขอเวลาให้เราทำงานก่อน เพราะยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน ข้อมูลหลายอย่าง ก็ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่เราจะทำเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้องทุกคนว่า เงินที่โอนเข้าไหลไปบัญชีของผู้ใดบ้าง ”

พล.ต.ท.เจริญวิทย์ กล่าวอีกว่า การหลบหนีของ น.ส.เดียร์และสามี ที่หลบหนีได้นานขนาดนี้ เพราะว่าเขาต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลา ในเรื่องการใช้โทรศัพท์ การใช้สื่อโซเชียล เฟซบุ๊คต่างๆ ตอนนี้เขานิ่ง แต่เราก็ยังติดตามเพื่อจะจับกุมตัว ซึ่งขณะนี้มีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก คือ ฟอกเงิน จากเดิม 3 ข้อหา ฉ้อโกงประชาชน , ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ