ดีเอสไอ เจอวงจรปิดสำคัญ! พบรถบิ๊กอุทยานเข้า-ออกช่วง บิลลี่ หายตัว
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวต่อว่า สำหรับพยานแวดล้อมในคดี ดีเอสไอได้ดำเนินการสอบปากคำพยานบุคคลไปแล้วส่วนหนึ่ง ในส่วนของกลุ่มผู้ต้องสงสัยนั้นยังไม่ได้เรียกมาสอบเพิ่มเติม แต่ได้ขอสำนวนคำให้การเดิม จากทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจภาค 7 ส่งไปยังป.ป.ท. ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในสำนวนคดีฆาตกรรมนายพอละจี
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีนักศึกษา 2 คน ซึ่งเป็นพยานที่เคยให้การในคดีเจ้าหน้าที่อุทยาน ควบคุมตัวนายพอละจี ออกมาระบุว่าไม่เคยกลับคำให้การ พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ไม่เป็นไร แต่ดีเอสไอได้มีหลักฐานข้อมูลการบันทึกถ้อยคำไว้แล้ว ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบสำนวนได้ ทั้งนี้ พยานบุคคลที่เจ้าหน้าที่สอบปากคำไว้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสอบสวนเพื่อนำข้อมูลไปประกอบสำนวนคดีที่จะต้องมีพยานแวดล้อมอื่นรวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ภาพจากกล้องวงจรปิด ทุกอย่างต้องนำมาเชื่อมโยงหาตัวผู้กระทำความผิดตามแนวทางการสืบสวนสอบสวน
ด้าน พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ความชัดเจนเรื่องการออกหมายเรียกกลุ่มบุคลต้องสงสัยว่าเป็นบุคคลใดบ้างมาให้การกับดีเอสไอ ในคดีการเสียชีวิตของนายพอละจี จะทราบเบื้องต้นในการประชุมคณะทำงานของดีเอสไอ ในวันที่ 9 ก.ย.นี้่ เวลา 09.00 น.ที่ดีเอสไอ เนื่องจากจะมีการประชุมรายละเอียดว่ามีพยานหลักฐานส่วนใดยังขาดหรือต้องการอะไรเพิ่มเติม เพื่อประกอบสำนวนการสอบสวนให้รัดกุมมากขึ้น ทั้งนี้คาดวว่าจะมีการชี้แจงความคืบหน้าในรายละเอียดของคดีภายหลังประชุมคณะทำงาน
รายงานข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ทีมชุดสืบสวนได้นัดหมายกับเจ้าหน้าที่อุทยานหนึ่งซึ่งเป็นชุดจับกุมนายบิลลี่ในวันเกิดเหตุ และรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายบิลลี่ในช่วงที่ถูกควบคุมตัว เพื่อต้องการนำคำให้การมาประกอบข้อมูลที่ดีเอสไอได้จากพยานแวดล้อม แต่ภายหลังทราบว่าเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้มีการนำข้อมูลการพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาเผยแพร่ เจ้าหน้าที่ที่ดีเอสไอจึงขอยุติการเข้าสอบปากคำ แต่ไปสอบปากคำพยานคนอื่น ๆ แทน อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอได้ภาพจากกล้องวงวรปิดการเข้าออกอุทยานของกลุ่มคนต้องสงสัยและรถยนต์ของบิ๊กอุทยานในช่วงเวลาที่นายบิลลี่หายตัวไป