นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ กล่าวว่า กรณีที่เสี่ยอ้วน อ้างว่าเตรียมจะฟ้องครอบครัวของสปาย ในฐานฉ้อโกง เพื่อเรียกเงินคืนนั้น เสี่ยอ้วนต้องแยกให้ออกให้ได้ว่าการเรียกทรัพย์คืนนั้น จะเรียกเอาทรัพย์ส่วนใด ซึ่งหากเงินที่จ่ายให้ไปนั้นเป็นเงินที่ให้โดยเสน่ห์หา ที่ให้โดยไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นกรณีนี้ จะเอาคืนไม่ได้ ยกเว้นเงินที่จ่ายให้ไปนั้น เป็นการให้โดยตกลงกับครอบครัวน้องสปายว่าเป็นเงินสินสอดทองหมั้น ซึ่งการให้สินสอดจะสมบูรณ์มีผลตามกฏหมาย ก็ต่อเมื่อมีการส่งมอบเงินไปแล้ว โดย
เงินดังกล่าวไปถึงมือครอบครัวอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นการหมั้นหมายที่สมบูรณ์ และหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามเงื่อนไขสัญญา เช่น ฝ่ายหญิงไม่แต่งงาน และไม่สามารถฟ้องบังคับให้ฝ่ายหญิงแต่งงานได้ แต่เสี่ยอ้วนก็ฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนได้ทั้งหมด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการหมั้นหมาย
ทั้งนี้ หากเสี่ยอ้วน จะเรียกเอาเงินคืน จำนวน 7,000,000 บาท ก็จะต้องมีหลักฐานหรือแชทการสนทนายืนยันว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นการให้ด้วยข้อตกลงกับทางครอบครัวของน้องสปาย แต่ถ้าหากให้เงินโดยเสน่ห์หา เสี่ยอ้วนก็อาจจะฟ้องแล้วแพ้คดีในที่สุด นอกจากนี้ เสี่ยอ้วนต้องรีบดำเนินการนับจากวันที่ทราบว่าถูกหลอก และต้องไม่เกิน 3 เดือน ก่อนที่คดีจะขาดอายุความ