‘สุขุมพันธ์ุ’แถลงไฟฉาว โต้ผลสอบสตง. ยืนยันโปร่งใส-บริสุทธิ์

‘สุขุมพันธ์ุ’แถลงไฟฉาว โต้ผลสอบสตง. ยืนยันโปร่งใส-บริสุทธิ์ อ้างมีคนดูเพียบ/ขู่ฟ้องกลับ ‘วิลาศ’จี้บิ๊กตู่ใช้อำนาจม.44 ปลดยกพวงพวกที่เกี่ยวข้อง

‘สุขุมพันธ์ุ’แถลงไฟฉาว โต้ผลสอบสตง. ยืนยันโปร่งใส-บริสุทธิ์


ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานครเมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 4 พฤษภาคม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวปฎิเสธและตอบโต้ ผลการสอบสวนของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่ระบุโครงการในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว (Motif of Light)ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้งบประมาณ 39 ล้านบาทบาทมีความผิดปกติเอื้อประโยชน์ให้เอกชนผู้รับเหมา

‘สุขุมพันธ์'ยันถูกต้อง-โปร่งใส
โดยม.ร.ว.สุขุมพันธ์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ สตง.ให้ความสำคัญในการตรวจสอบหน่วยงานกทม. ในโครงการนี้ ตรงกับนโยบายที่ตนยึดถือมาตลอด 7 ปีของการทำงาน ที่ตอกย้ำว่าต้องทำงานอย่างโปร่งใส และไม่เคยให้ใครทำอะไรผิดกฏหมายแม้แต่ครั้งเดียว

ตนขอยืนยันว่านโยบายสร้างมหานครแห่งความสุข และมหานครแห่งโอกาสของทุกคน เป็นนโยบายที่ถูกต้อง สิ่งสำคัญคือ ช่วงก่อนปีใหม่ปีที่ผ่านมานั้นได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆหลายเรื่องที่ส่งผลกระทบกับกรุงเทพมหานคร จึงมองว่าต้องทำอะไรที่จะช่วยส่งเสริมฟื้นฟูการท่องเที่ยว และทำอย่างไรที่จะช่วยสร้างโอกาสส่งเสริมรายได้ประชาชน

ซึ่งโครงการนี้ไม่ใช่โครงการที่คิดขึ้นวันนี้ทำพรุ่งนี้ แต่ได้คิดจะทำมานานแล้ว ประกอบกับกทม.ถูกตัดงบประมาณด้านการท่องเที่ยวเหลือเพียง 50 ล้านบาท จากที่ตั้งขอไป 200 กว่าล้านบาท แต่ในฐานะผู้บริหารก็ต้องหาวิธี จึงเกิดโครงการนี้ขึ้น เป็นอำนาจหน้าที่ที่ตนทำได้

บอกมีคนชมงาน1.7ล้านคน

ผู้ว่ากทม.ยังเผยว่า หากถามถึงความสำเร็จโครงการก็ต้องดูจำนวนคนที่มาชมงานประมาณ 1.7 ล้านคน มีการใช้จ่ายในพื้นที่ตลอดการจัดงาน 10 ล้านบาท ทั้งนี้ยังไม่รวมร้านค้าในพื้นที่โดยรอบ ตนยืนยันการจัดงานเป็นเรื่องนโยบายที่ถูกต้อง และไม่ใช่ครั้งแรกที่กทม.ใช้งบประมาณเพื่อการท่องเที่ยวและเสริมสร้างรายได้ให้ประชาชน อย่างเช่นงานคลองผดุงกรุงเกษม เราก็ทำเต็มที่ใช้งบประมาณไป 20 ล้านบาท ถ้า สตง.มีปัญหาต้องให้คำแนะนำตั้งแต่แรก ซึ่งสตง.ก็ไม่เคยได้ให้คำแนะนำเลยทั้งที่มี สตง.นั่งประจำอยู่ที่ กทม.ด้วย

ขู่ฟ้องทันทีหากใครพาดพิง
มรว.สุขุมพันธ์ ระบุว่า ประเด็นนี้ กทม.ให้ความร่วมมือกับสตง.มาตั้งแต่งานยังไม่จบ ขอข้อมูลมาเราก็ส่งให้ และการที่ตนมอบหมายให้รองผู้ว่าฯกทม.ไปชี้แจงก็เป็นเรื่องปกติ ถือเป็นเรื่องข้อมูล/เทคนิค ซึ่งผู้ทำงานตรงจะชี้แจงได้ ตนไม่ได้หนี ไปไหน

"ผมเชื่อมั่นทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ที่สตง.มีการสรุปออกมานั้นได้มีการสรุปมานานแล้วตั้งแต่งานยังไม่จบ ซึ่งเป็นเรื่องประหลาด ไม่ทราบว่าจะเป็นการทำงานของสตง.หรือไม่ถ้าใช้ก็ขอให้ปฏิบัติเช่นนี้กับหน่วยงานอื่นๆด้วย ซึ่ง มติเมื่อวานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะดำเนินการต่อไป ยังไม่มีการตัดสินใจว่าใครผิด ขอความเป็นธรรมทุกหน่วยงานตรวจสอบ ไม่ใช่ให้ตัวเองแต่ขอความเป็นธรรมให้ลูกน้องทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายประจำ เมื่อยังไม่มีการตัดสินก็ขอไม่มีการกล่าวอ้างถ้ามีผมฟ้องทันที แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะมีการฟ้องใคร

‘วิลาส'ตามประกบจับผิดซ้ำ
ในประเด็นดังกล่าวายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ แถลง ว่า ผลสอบของสตง. เป็นผลสอบที่ใกล้เคียงกับข้อมูลที่ตนได้มอบให้ สตง.ไปก่อนหน้านี้ แต่มีประเด็นเพิ่มเติมคือ กรณีที่ สตง.กล่าวหาฝ่ายการเมืองเพียงคนเดียวคือผู้ว่า กทม.และชี้ว่ารองผู้ว่า ฯ กทม.อีกสองคนคือนายอมร กิจเชวงกุล และนายจุมพล สำเภาพล ไม่ได้ทำผิด

แต่ตนเห็นว่านายอมร ระบุว่าเป็นคนเสนอโครงการ ส่วนนายจุมพลเป็นผู้เซ็นต์อนุมัติ แม้จะเป็นนโยบายผู้ว่ากทม.แต่บุคคลทั้งสองก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย นอกจากนี้คดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับผู้บริหารกทม.ควรเสนอให้ กระทรวงมหาดไทยตั้งกรรมการสอบ ไม่ใช่ให้ กทม.สอบกันเอง และฝากให้ สตง.เร่งส่งเรื่องไปยัง พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ปปช.)ที่เคยระบุว่าในยุคนี้จะพิจารณาเรื่องให้จบภายใน6 เดือน

เสนอประยุทธ์ฟันผู้บริหารกทม.
ขอให้สตง.ยื่นเรื่องให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ( ศอ.ตช.)เพื่อเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ในการปลดหรือย้ายผู้ว่าฯกทม.และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ ออกจากตำแหน่ง

"วันนี้ผมเรียนไปถึงนายกฯว่าได้ใช้มาตรการนี้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 50 องค์กรแล้ว กทม.เป็นองค์กรใหญ่ที่มีการทุจริตมากที่สุด ก็ต้องจัดการโดยเร็ว งานนี้ความเห็นผมคิดว่าต้องเอาทั้งผู้ว่ากทม.และคนเซ็นต์ทั้งหมดและผมไม่เสนอให้ใครลาออกเพราะมาตรฐานต่างกันจึงไม่คาดหวังเรื่องนี้"นายวิลาศ กล่าว

ปปช.รับลูกคตง.ตั้งอนุสอบไฟ
ด้าน พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. กล่าวถึงกรณี โครงการค่าใช้จ่ายในการประดับตกแต่งไฟฟ้าเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานครซึ่งใช้งบประมาณ 39.5 ล้านบาทว่า เมื่อปปช.ได้รับรายงานจาก คตง.ก็จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงไปตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยจะตั้งคณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริง และคณะกรรมการไต่สวนเพื่อตรวจสอบไปตามขั้นตอนกฎหมาย เพราะในส่วนหน้าที่ของ ป.ป.ช.นั้น จะต้องลงไปดูว่ามีการทำผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างไร ถือเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.อยู่แล้ว และหากคตง.ส่งข้อมูลมาให้ป.ป.ช.คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องข้อเท็จจริงบางส่วนเร็วขึ้น เราต้องมาดูข้อกฎหมายว่าองค์ประกอบเข้าความผิดหรือไม่ อาจจะมีการสอบพยานเพิ่มเติม

พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ว่ากรุงเทพฯ ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ทั้งนี้หากได้รับเรื่องแล้วจะต้องเสนอให้คณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงเพราะเป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ ที่จะอนุมัติให้ดำเนินการไต่สวน หากเข้ากระบวนการไต่สวนแล้ว ขั้นตอนและระเบียบเป็นอย่างไรก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

วิษณุชี้สุขุมพันธ์ยังทำงานได้
ในประเด็นดังกล่าว นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เผยว่า ผู้ว่าฯ กทม.ยังมีสิทธิ์ทำงานในหน้าที่ต่อไปได้ จนกว่าป.ป.ช.และ คสช. จะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา
อย่างไรก็ตาม นายวิษณุ ปฏิเสธที่จะมให้ความเห็นว่าม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ควรจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ โดยกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับเจ้าตัว เพราะเรื่องแบบนี้มีคนถูกกล่าวหาจำนวนมากและยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ยังสามารถทำงานได้ตามปกติ

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์แนวหน้า


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์