เพื่อไทยจัดสัมมนา3ปีปฏิวัติ เชิญบิ๊กบังร่วมวงเหตุถูกหลอกให้ทำรัฐประหาร อัดนายกฯไม่จริงใจแก้รธน.

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 21 กันยายน ถึงกรณีที่มูลนิธิ 111 ไทยรักไทยจะจัดสัมมนาทางวิชาการ "3 ปี ปฏิวัติ 19 ก.ย. ประชาชนเสียอะไร" 

ในวันที่ 22 กันยายน โดยเชิญอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพลังประชาชน มาร่วมแสดงความเห็นการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ว่า การจัดสัมมนาดังกล่าวในวันที่ 22 กันยายนนี้ ที่โรงแรมรามาการ์เด้น นอกจากจะเชิญอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน มาร่วมแสดงความเห็นและผลกระทบของการทำรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 แล้ว ซึ่งในวันที่ 21 กันยายนนี้ ตนจะไปเชิญพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคมช. มาร่วมสัมมนาในงานดังกล่าวด้วย เนื่องจากพล.อ.สนธิเพิ่งออกมาให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า ถูกหลอกให้ทำรัฐประหาร โดยไม่ใช่เป็นคนคิดหรือการปฏิวัติ และมีอำนาจเป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติอยู่เพียงแค่ 14 วัน จึงเชิญมาพูดเพื่ออยากทราบว่า มีใครอยู่เบื้องหลังสั่งการในการปฏิวัติครั้งนี้ เพราะเป็นการปฏิวัติที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศอย่างมากมาย


เมื่อวันที่ 20 กันยายน เวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย อาคารบีบีดี บิวดิ้ง ถนนพระรามสี่ กรุงเทพฯ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง อดีตโฆษกพรรคพลังประชาชนและนายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ร่วมแถลงข่าวจัดงานสัมมนา "3 ปี..ปฏิวัติ 19 กันยา ประชาชนเสียอะไร"


นายปลอดประสพกล่าวว่า พรรคจะจัดการสัมมนาของคน 3 กลุ่ม ใน 3 ช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิวัติ

โดยจะจัดการสัมมนาทางวิชาการ "3 ปี ปฏิวัติ 19 กันยา ประชาชนเสียอะไร" ในวันที่ 22 กันยายน เวลา 13.00 น. โดยผู้เข้าร่วมสัมมนาคือ อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ผู้บริหารของพรรคได้คัดสรรแล้ว การจัดสัมมนาต้องการสะท้อนให้เกิดการพัฒนาทางการเมือง ไม่ได้ต้องการไปเท้าความหรือให้ร้ายใคร



นายปลอดประสพกล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาสื่อคงได้ทราบการสัมภาษณ์ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)

ได้สะท้อนนัยยะ 6 ข้อ ของการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 ออกมา ซึ่งดูเหมือนว่า พล.อ.สนธิ ถูกหลอกทำรัฐประหารเหมือนกัน "เราเห็นว่านี่คือรากเหง้าของความอยุติธรรมที่ปรากฏอยู่ คือการขาดความมีมาตรฐาน และเป็นการบั่นทอนรัฐบาล รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ถูกเขียนเพื่อปกป้องการกระทำของคณะผู้กระทำความผิด วันนี้ทุกคนรู้แล้ว่าสิ่งทีอธิบายกันมา 3 ปี เป็นความเท็จทั้งสิ้น พวกเราในนามของสังคมไม่อาจให้สิ่งเหล่านี้อยู่ต่อไปโดยไม่แตะต้องจึงจำเป็นต้องนำเรื่องรัฐธรรมนูญมาวิเคราะห์วิจารณ์และหาทางออกที่ดีที่สุดให้สังคม" นายปลอดประสพ กล่าว


นายปลอดประสพกล่าวว่า แม้ตนจะไม่ค่อยชอบ พล.อ.สนธิ แต่ที่ พล.อ.สนธิกล้าออกมาพูดเช่นนี้ขอแสดงความยอมรับ และขอเชิญให้มาร่วมสัมมนาด้วย

โดยการสัมมนาจะประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชาชน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และในการสัมมนา พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามาร่วมสัมมนาด้วย


ด้าน ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ในบรรดาการทำรัฐประหาร การปฏิวัติโดย คมช.เป็นการรัฐประหารที่ทำให้เกิดความเสียหายมากที่สุด

เห็นได้จากการยุบพรรคการเมืองที่มีการใช้สองมาตรฐาน นักการเมืองคนไหนไม่มีจุดยืนยอมไปอยู่กับฝ่าย คมช.ก็จะได้รับความปรานี สามารถใช้อำนาจทางการเมืองอยู่หลังฉากได้เหมือนเดิม โดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน รวมไปถึงไม่มีการใช้กฎกติกาที่ร่างขึ้นกับคนกลุ่มนั้นอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการสร้างกฎเหล็กคือรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ขึ้นมา ส่งผลของการใช้กติกาของ คมช.ที่ทำให้เกิดปัญหาต่อบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง


ร.ท.กุเทพกล่าวว่า คนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองโดยไม่ได้ทำอะไรผิดหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายบรรหาร ศิลปอาชา

และตนได้พบกับความเจ็บปวด แต่ไม่สามารถที่จะไปเรียกร้องความเป็นธรรมได้ เพราะเรียกร้องไปก็จะถูกกล่าวหาว่าทำเพื่อตัวเอง ขอตั้งข้อสังเกตุการเป็นผู้นำของนายอภิสิทธิ์ ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่ามีท่าทีที่ไม่จริงใจในการแก้ไขกติกาที่ไม่เป็นธรรมนั้น เชื่อว่ามีมูลเหตุอยู่ 2 ประเด็น คือ

1.นายอภิสิทธิ์ เป็นเพียงหุ่นเชิด หรือหุ่นหนังตะลุง ที่มีคนคอยชักใยอยู่เบื้องหลัง คอยเต้นตามที่การชักใยของคนอื่น ไม่มีอำนาจที่แท้จริง หากเรื่องนี้เป็นจริง ต้องขอแสดงความเห็นใจกับนายอภิสิทธิ์ เป็นอย่างมาก


2.นายอภิสิทธิ์ อาจมีอำนาจจริง แต่ไม่ยอมดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพราะยึดติดกับอำนาจของนายกรัฐมนตรี เกรงว่าหากแก้ไขรัฐธรรมนูญไปอาจจะเป็นการเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงานมากกว่าเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีได้หากมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งจะทำให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของตัวเองหมดไป


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์