มิ่งขวัญลั่นพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯสมัยหน้า

เวลา 20.55 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ชี้แจงสรุปว่า
 
ตนถูกกล่าวหาว่าปล่อยปะละเลยในการทำงานของรัฐมนตรี ความจริงตนไม่ได้ละเลย และจะเดินหน้าทำงานต่อไป ส่วนข้อที่ถือว่าหนักมาก บอกว่า ตนและรัฐบาลฆาตกรรมประชาชน ตนไม่นิยมความรุนแรง ตนสู้ในกติกา และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าตนไม่บริสุทธิ์ใจคงไม่ปล่อยให้เดินหน้าตามหาความจริง

 “หลายเรื่องผมพร้อมรับฟังและจะนำไปปรับปรุงในเวลาที่เหลือ แต่เรื่องที่กล่าวลอยๆ และทำขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดความขัดแย้งมากขึ้น ผมให้คำมั่นว่า หากสภาแห่งนี้ลงมติไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป ผมจะทำงานต่อไป ซึ่งนานที่สุดคือสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค. เวลาที่เหลือไม่สำคัญ แต่จะทุ่มเททำงานให้เต็มที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 จากนั้นเวลา 21.40 น. นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ หัวหน้าทีมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ได้ขึ้นกล่าวสรุปถึงเนื้อหาการอภิปรายในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ดังนี้

กรณีหนี้ ที่มีการตกแต่ง ตัดตอนตัวเลข โดยนายกฯคนปัจจุบัน ก่อหนี้สูงที่สุดเท่าประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา โดยไม่นับเงินกู้ไทยเข้มแข็ง โดยในปี 2555 นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2554 ไทยต้องจ่ายดอกเบี้ยไม่นับเงินต้น เป็นเงิน 2 แสนล้านบาท เรื่องน้ำมันปาล์ม ใครกันแน่ที่พูดความจริงครึ่งเดียว เพราะราคาน้ำมันปาล์ม รัฐบาลกำหนดราคายขายไม่เกิน 47 บาท แต่รัฐบาลต้องชดเชยเงินที่มาจากภาษีประชาชนบวกลงไปถึง 9.50 บาทเท่ากับราคาจริงคือ 56.50 บาท เรื่องกองทุนน้ำมันอุดหนุน

 นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เรื่องข้าวถือเป็นเรื่องใหญ่ของประเทศ สต๊อกข้าว ตอนตนเข้ามาเป็นรมว.พาณิชย์ มีสต๊อกข้าวอยู่ 2.1 ล้านตัน
 
ท่านบอกว่าตนบริหารไม่สำเร็จ จึงถูกย้ายไปนั่งกระทรวงอุตสาหกรรม วันนี้ความจริงจะปรากฎ ตนเป็นคนพูดความจริง ตนจะไม่ยอมก้มหัวให้กับกลุ่มทุนใด ประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่มีใครมาสั่งตนได้

 ในตอนท้าย นายมิ่งขวัญ ประกาศตัวขออาสาสมัครเป็นนายกฯ แข่งกับอภิสิทธิ์ แล้ววันนั้นประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ทั้งนี้นายมิ่งขวัญ ใช้เวลาสรุปไป 1 ชั่วโมง 41 นาที

 จากนั้น ประธานได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 23. 18 น. และนัดประชุมเพื่อลงมติไม่าไว้วางใจในเวลา 09.30 น. วันที่ 19 มี.ค.นี้