มาร์คยันไม่เพิกเฉยกรณีม็อบบุกรพ.

 

คมชัดลึก :นายก"อภิสิทธิ์" ชี้เหตุปะทะอนุสรณ์สถานเพราะเสื้อแดงเคลื่อนขบวนออกนอกพื้นที่ ยันรัฐบาลไม่ต้องการให้เกิดการข่มขู่ และสร้างความกลัวให้ปชช.อีก ส่วนเหตุเสื้อแดงบุกรพ.จุฬา รับที่ผ่านมาได้หารือผอ.รพ.ตลอด ยันจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอีก ยอมรับเป็นห่วงความรู้สึกปชช. ระบุที่ผ่านมารบ.ไม่เคยเพิกเฉยต่อเหตุที่เกิดขึ้น และพยายามแก้ไขตลอด อ้างสิ่งที่ดำเนินการบางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยได้


(30เม.ย.) เวลา 12.00 น. ที่อาคารกิตติสุข กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์(ร. 11 รอ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ

แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย(ทีวีพูล) จากกรณีเกี่ยวการคลี่คลายสถานการณ์การชุมนุมของนปช.ที่ยืดเยื้อกว่า 50 วัน จนเกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชนหลายครั้ง โดยเฉพาะเหตุการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจกับผู้ชุมนุมนปช.ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ดอนเมืองเมื่อวันที่ 28 เม.ย. ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย รวมทั้งมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย และล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย.นั้นนายพายัพ ปั้นเกตุ แกนนำนปช.นำผู้ชุมนุมหลายร้อยคนบุกตรวจค้นโรงพยบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า ช่วงสองวันที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้กระทบกระทือนต่อจิตใจประชาชนจำนวนมาก คือ การปะทะกันที่อนุสรณ์สถาน และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สองเหตุการณ์นี้ตนทราบดีว่า ประชาชนรู้สึกวิตกกังวล หวาดกลัวและสะเทือนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีคำถามมากมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งว่ารัฐบาล ศอฉ.และหน่วยราชการนั้นกำลังทำอะไรอยู่จึงเกิดเหตุการณ์เหล่านั้นได้


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอใช้โอกาสนี้บอกกล่าวกับประชาชนให้ทราบที่มาที่ไปของการปฏิบัติการกับการดำเนินงานสองเหตุการณ์

รวมถึงการแก้ไขสถานการณ์ในขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ในส่วนของการปะทะกันที่อนุสรณ์สถาน ดอนเมืองนั้นขอเรียนว่าได้เกิดปัญหาของกลุ่มผู้ชุมนุมดำเนินการตั้งด่าน ข่มขู่ คุกคามหรือสร้างความปั่นป่วน และสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนนอกพื้นที่การชุมนุมค่อนข้างมาก หากรัฐบาลปล่อยให้เหตุการณ์เช่นนั้นให้ดำรงอยู่ต่อไปจะเกิดปัญกาการไร้ระเบียบในสังคม และสิ่งสำคัญทำให้เกิดความเหิมเกริมในหมู่ของผู้ชุมนุม และผู้ปฏิบัติผิดกฎหมาย ดังนั้นศอฉ.จึงมีนโยบาย และคำสั่งเด็ดขาดว่าจะไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะข่มขู่ คุกคามหรือสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนจากการเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุม ในวันที่เกิดเหตุนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมตัดสินใจเคลื่อนขบวนออกมาจากแยกราชประสงค์ และระดมคนจากที่อื่นเพื่อระดมคนไปที่ตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และเป็นนโยบายของรัฐบาลและศอฉ.ว่าจะไม่ให้มีการดำเนินการเช่นนั้นโดยเด็ดขาด ตรงนี้คือที่มาของการที่เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องสกัดกั้นและนำไปสู่การปะทะและการต่อสู้


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามแนวทางและนโยบายที่เป็นหลักสากลที่เรียนให้ประชาชนรับทราบมาตลอด

ในที่สุดเหตุการณ์และสถานการณ์คลี่คลายได้ ผู้ชุมนุมต้องเคลื่อนย้ายกลับไปชุมนุมที่แยกราชประสงค์ แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจเมื่อมีการสูญเสียขึ้น ตนทราบดีว่าทุกครั้งที่มีปฏิบัติการและการปะทะกันเช่นนี้มีความเสี่ยงต่อการที่จะเกิดความสูญเสีย และกำลังมีการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงต่างๆเพื่อให้ความกระจ่างชัดว่าความสูญเสียนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ตนขอยืนยันว่ารัฐบาล และศอฉ.ยังมีนโยบายชัดเจนเด็ดขาดว่าจะไม่ให้มีการดำเนินการข่มขู่คุกคามประชาชนตามพื้นที่ต่างๆและต้องดำเนินการตามความจำเป็นสมควรแก่เหตุเพื่อระงับเหตุต่างๆขึ้น


“ ขอย้ำว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่นั้นมั่นคงแน่วแน่ และยืนยันว่าต้องปฏิบัติการเช่นนั้นอีก หากมีกรณีที่มีความจำเป็น ” นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีโรงพยาบาลจุฬาฯนั้น เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนค่อนข้างมาก รัฐบาลและศอฉ.ห่วงใยต่อพื้นที่โรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์นี้ได้มีการหารือกับผู้บริหารโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความห่วงใยของรัฐบาลว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องไปคุ้มกันโรงพยาบาล การหารือนั้นผอ.และผู้บริหารโรงพยาบาลได้ตัดสินใจว่าไม่ประสงค์ที่จะให้ทหาร - ตำรวจเข้าไปในพื้นที่โรงพยาบาล เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่าโดยหลักสากลแล้วพื้นที่โรงพยาบาลนั้นต้องดำรงความเป็นสถานที่ที่มีความปลอดภัยและเป็นกลาง ฉะนั้นการนำเจ้าหน้าที่เข้าไปนั้นจะสุ่มเสี่ยงต่อความเข้าใจผิดว่าโรงพยาบาลจะเป็นที่พำนักพักพิงของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฉะนั้นโรงพยาบาลจึงได้ตกลงกับรัฐบาลและศอฉ.ว่าจะบริหารสถานการณ์ต่างๆด้วยตัวเอง ตนเชื่อว่าผอ.และผู้บริหารโรงพยาบาลคาดไม่ถึงว่าจะเกิดกรณีเหตุการณ์หรือพฤติกรรมอย่างที่เกิดขึ้น และตนไม่ความจำเป็นใดๆที่ต้องไปกล่าวประณามเพราะไม่เพียงแต่สังคมไทยเท่านั้น แต่สังคมโลกจะกล่าวประณามพฤติกรรมดังกล่าว


นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงที่ปรึกษาหารือกับผู้บริหารโรงพยาบาลอีกครั้งว่าจะปรับแนวทางในการป้องกันแก้ไขปัญหา

หากจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคตและตอนนี้ยังมีการหารือกันอยู่ระหว่างตำรวจ และผู้บริหารโรงพยาบาลว่าการดำเนินการที่เหมาะสมที่สุดในการคุ้มกันให้ความปลอดภัยโรงพยาบาล โดยยังสามารถดำรงรักษาความเป็นกลาง และเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยของโรงพยาบาลตามหลักสากลจะทำอย่างไร แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เพิกเฉย และละเลยต่อปัญหานี้แน่ และกำลังดำเนินการหาแนวทางอันเป็นที่ยอมรับของโรงพยาบาลในการดำเนินการต่อไป ส่วนการกระทำความผิดในเหตุการณ์นี้ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ขอเรียนว่านอกจากสองเหตุการณ์นี้การทำงานของรัฐบาลและศอฉ.ในการแก้ไขสถานการณ์นั้นมีความคืบหน้าต่อเนื่อง

ตนเคยเรียนกับประชาชนแล้วว่าปัญหาในตอนนี้ไม่ได้มีเฉพาะพื้นที่ราชประสงค์ แต่โยงไปถึงปัญหาอื่นที่คาบเกี่ยวกันทำให้ปฏิบัติการณ์ใดๆของรัฐที่มีต่อพื้นที่นั้นๆจำเป็นต้องมีการป้องกันแก้ไขปัญหาต่างๆพร้อมกันไปด้วย ตอนนี้ในการตรวจสอบการเข้าออกพื้นที่นั้นเจ้าหน้าที่รัฐสามารถทำได้อย่างเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นและจะดำรงรักษาความเข้มแข็งนี้ไว้ บางครั้งอาจมีเหตุปะทะประปรายบ้าง เช่นเหตุเมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย.ที่ถนนอังรีดูนังต์ เพราะเป็นแนวทางที่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นต้องดูแลพื้นที่ดังกล่าว เพราะมีการลำเลียงอาวุธหรือมีความพยายามนำคนเข้าไปสมทบที่จะทำให้การแก้ปัญหาในคราวต่อไปยากยิ่งขึ้น และต่อมาคือการดำเนินการเร่งรัดคดีการก่อวินาศกรรม และการก่อการร้ายในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงที่มุ่งไปยังสถาบันหลักของชาติ และความคืบหน้าการสอบสวนคดีพิเศษ สิ่งสำคัญการจับกุมผู้ก่อเหตุยิงจรวดอาร์พีจีที่กระทรวงกลาโหม และการยึดอาวุธสงครามเอ็ม 79 จำนวนมาก รวมถึงการจับกุมสอบสวนแกนนำนปช.คือ นายเมธี อมรวุฒิกุล ที่มีการขยายผลที่ทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก และทำให้เข้าไปดำเนินคดีจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้อง และการเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดที่ย้อนกลับไปสู่การชุมนุมที่ราชประสงค์ด้วย การดำเนินการทั้งหมดนี้ตนยืนยันว่าจะเดินหน้าอย่างเข้มแข็ง


นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ตนทราบดีว่าบางครั้งบางโอกาสประชาชนเมื่อเห็นเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น และกระทบกระเทือนจิตใจ

และเกิดความรู้สึกว่ารัฐบาลและศอฉ.ไม่ได้ดำเนินการใดๆเลย ตนขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้นแน่นอน การทำงานในหลายเรื่องๆคงไม่สามารถเปิดเผยขั้นตอนรายละเอียดต่างๆได้ แต่มีความมุ่งหน้าไปสู่การคลี่คลายสถานการณ์อย่างแน่นอน และควบคู่กันไปคือสิ่งที่ตนเรียนกับสื่อต่างประเทศว่าเราจำเป็นที่ต้องมีหาคำตอบทางการเมือง เช่น การเปิดอภิปรายในสภา และมีการแสดงความเห็นของส.ส.จากฝ่ายค้านและรัฐบาล ตนนั้นได้ปรึกษาหารือต่อเนื่องกับกลุ่มประชาสังคม ภาคประชาชน กลุ่มที่มีความปราถนาดีในการที่จะให้รัฐบาลรับรู้รับทราบหลักคิดการแก้ไขปัญหาของกลุ่มเหล่านี้ และการหาคำตอบทางการเมืองนั้นมีความคืบหน้าไปมากและจะครอบคลุมประเด็นที่ตนคิดว่ามีความจำเป็นสำหรับกระบวนการปรองดองสมานฉันท์ที่ต้องเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปเมื่อสามารถแก้ไขปัญหาการชุมนุมได้แล้ว ทั้งหมดนี้เมื่อมีความคืบหน้าตนจะรายงานให้ประชาชนรับทราบเป็นระยะต่อไป


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์คมชัดลึก

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์