ผอ.ขสมก.แฉคืน7ต.ค.รถร่วมเคยถูกยึดแล้ว5คัน ปะทัดยักษ์บึ้มใกล้แยกวัดเบญจฯ กลางดึกอีก-ถล่มป้อมตร.


ขสมก.เผยคืนวันที่ 7 ต.ค. รถเมล์7คันถูกยึด ก่อนคืน 8 ต.ค.สาย23 ถูกยึดทำบังเกอร์ม็อบ ระเบิดป่วนใกล้มัฆวานฯ 2 จุดกลางดึก ทั้งแยกประชาเกษม-ใกล้แยกวัดเบญจมบพิตร ตร.คาดสร้างสถานการณ์ พันธมิตรฯ ขู่บุกการบินไทยหากลงโทษกัปตัน "จักรี" ตั้งคณะกรรมการญาติวีรชน 7 ตุลาคม ระดมทุน 100 ล้าน จ้างทนายยื่นฟ้องศาลโลก เอาผิด นายกฯในฐานะเป็นผู้สั่งการ ผบ.ตร.และตร.ที่ปฏิบัติการ "สนธิ"ยันพธม.ถูกใส่ร้ายหาว่ายึดรถเมล์สาย23 ทำบังเกอร์ขวางสะพานอรทัย ให้ขสมก.มาเอารถเมล์คืนได้

ผอ.ขสมก.แฉคืนวันที่7 รถเมล์ถูกยึดอีก5คัน

นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร (ขสมก.) กล่าวในรายการ "สยามเช้านี้" ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.) ช่อง 5 ถึงเหตุการณ์ยึดรถโดยสารของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า เหตุการณ์ยึดรถประจำทางดังกล่าวเคยเกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่คืนวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยยึดรถร่วมโดยสารบริการ ขสมก. จำนวน 5 คัน เพื่อนำไปเป็นบังเกอร์ป้องกันให้แก่ผู้ชุมนุม จึงมีคำสั่งให้หยุดเดินรถ ขสมก.กะสว่างในคืนวันนั้น เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อผู้โดยสาร

ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวต่อว่า หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (8 ต.ค.) กลุ่มพันธมิตรฯ ได้ยึดรถโดยสาร ขสมก. สาย 23 อีก 1 คัน จึงได้มีการเข้าไปเจรจากับกลุ่มรักษาความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเจรจาด้วย ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ยินดีคืนรถคันดังกล่าวให้ แต่ระหว่างการเจรจามีรถยนต์ของกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาจอดต่อท้ายรถโดยสารคันดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถนำรถ ขสมก.ออกมาได้ ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันนี้(9 ต.ค.) จะเข้าไปนำรถคันนี้ออกมา
 
ระเบิดใกล้แยกวัดเบญฯ กลางดึก ตร.คาดประทัดยักษ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาเกือบ 01.00 น. วันที่ 9 ต.ค. เกิดเสียงดังสนั่นบริเวณพุ่มไม้ ใกล้แยกวัดเบญจมบพิตร ถ.พระราม 5 ริมรั้วสนามม้านางเลิ้ง มุ่งหน้าสะพานชมัยมรุเชฐ จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุระเบิดดังกล่าวเห็นชายวัยรุ่น 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ ไม่ทราบป้ายทะเบียนเมื่อถึงจุดเกิดเหตุ คนขี่ได้จอดให้คนนั่งซ้อนท้ายนำวัตถุลงไปวางในพุ่มไม้ก่อนจะจุดไฟแช็กที่วัตถุดังกล่าวแล้วขี่รถมุ่งไปทางทำเนียบรัฐบาล จากนั้นก็เกิดระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ทำให้พุ่มไม้และต้นหญ้ากระจุยกระจายไปทั่วบริเวณ

ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เดินทางมาตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุและกล่าวว่า คาดว่าน่าจะเป็นประทัดยักษ์เช่นเดียวกับเหตุระเบิดบริเวณแยกประชาเกษม หวังสร้างสถานการณ์
 
พันธมิตรเตรียมบุกการบินไทยหากลงโทษกัปตัน "จักรี"
 
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม เวลา 23.00 น. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศให้ผู้ชุมนุมเตรียมตัวดาวกระจาย เคลื่อนขบวนไปยังบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดีรังสิต หากมีการสอบสวนและลงโทษกัปตันจักรี  พงษ์ศิริ ผู้ซึ่งขัดขวางไม่ยอมให้นางฟาริดา สุไลมาน ส.ส.พรรคพลังประชาชน จ.สุรินทร์ ขึ้นเครื่องบินเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ขอนแก่น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
 
สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณหกนาฬิกาสิบห้านาที เที่ยวบินที่ TG1040 ของบริษัทการบินไทยจากท่าอากาศยานดอนเมือง มุ่งตรงไปยังท่าอากาศยาน จ.ขอนแก่น กัปตันของเครื่องบินได้ปิดประตูเครื่องบินปฏิเสธรับ ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนขึ้นเครื่อง พร้อมกับประกาศให้ทราบว่า “เที่ยวบินนี้ไม่รับทรราช เที่ยวบินนี้ไม่รับ ส.ส.พลังประชาชนและนักการเมืองที่ทำร้ายประชาชนขึ้นเครื่อง ผมจะไม่รับพวกคุณขึ้นเครื่องตลอดชีวิต”
 
แถลงซัด "ผบ.ทบ."ยืนข้างรัฐบาล

เวลา 21.30 น. วันที่ 8 ตุลาคม พันธมิตรออกแถลงการณ์ ฉบับ 23/2551 เรื่องขับไล่รัฐบาลสมชาย  มีเนื้อหาสาระสำคัญอยู่ที่การประณามการกระทำของรัฐบาลสมชาย ที่ใช้กำลังทำร้ายประชาชนและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตรวจและผู้บัญชาการทหารบกที่เลือกยืนอยู่ข้างรัฐบาล โดยเฉพาะการตัดสินใจส่งกำลังทหารช่วยเหลือตำรวจ ถือเป็นการสมรู้ร่วมคิดละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 77 และขอสดุดีผู้ร่วมชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตว่าเป็นวีรชน  และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้ทรงพระราชทานเงินและความช่วยเหลือพยาบาลให้กับพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งพันธมิตรจะปกป้องเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ให้อยู่ยงสถาพรสืบไป

 
วางปะทัดยักษ์บึ้มป้อมตร.-บึ้มก่อกวนกลางดึก2ลูก

ก่อนหน้านี้เวลา 21.40 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดเหตุระเบิดภายในป้อมตำรวจเชิงสะพานวิศสุกรวมนฤมาณ แยกประชาเกษม ถนนประชาธิปไตย เขตพระนคร พ.ต.อ.วิบูลย์ยุทธ สันทัดเวช ช่วยราชการผกก.สน.นางเลิ้ง ไปตรวจสอบพบกระจกภายในป้อมแตกละเอียด ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นคาดว่าไม่ใช่วัตถุระเบิดเป็นเพียงปะทัดยักษ์ ซึ่งผู้ก่อเหตุนำมาจุดหรือโยนเข้ามาภายในป้อมตำรวจดังกล่าว สำหรับป้อมแห่งนี้เมื่อเดินที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุลักษณะเดียวกันมาแล้ว และอยู่ระหว่างซ่อมแซมแต่มาเกิดซ้ำอีก

แนะร้านค้าติดป้ายต้านทรราช
 

เวลา 22.00 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวปราศรัยว่า พันธมิตรจะจัดทำวีดิโอเหตุการณ์ตำรวจสลายผู้ชุมนุมพันธมิตรให้สถานทูตไทย 80 แห่งทั่วโลก ให้สำนักข่าวต่างประเทศประจำไทยทุกสำนัก จัดส่งให้วุฒิสภา และสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา และพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยทำสิ่งรุนแรงอะไรกับคนไทยบ้าง ขอแนะนำให้ร้านค้าแปะสติ๊กเกอร์ข้อความ "ที่นี่ไม่ต้อนรับรัฐบาลทรราชย์" ไว้หน้าร้านทุกร้าน

นายสนธิยังกล่าวปฏิเสธถึงกลุ่มพันธมิตรได้ทำการยึดรถโดยสารขสมก.สาย 23 โดยระบุว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากมีข่าวว่าขสมก.จะหยุดเดินรถทุกสายที่ผ่านเส้นทางการชุมนุมของพันธมิตร ในเวลา 23.00 น.จนถึง 03.00 น. เนื่องจากเกรงว่าไม่ปลอดภัยอาจถูกพันธมิตรยึดรถเมล์ไว้
 
หลังเจอแก๊สน้ำตาแห่ร่วมชุมนุมพธม.คึกคัก

สำหรับบรรยากาศชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร ที่บริเวณโดยรอบสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนพิษณุโลก และทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม หลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน และเสียชีวิต 2 ราย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ยังเป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้บริจาคน้ำดื่ม อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมาก

ตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงเย็น ซึ่งมีผู้ชุมนุมทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทยอยเดินทางมาสมทบเป็นจำนวนมาก ประมาณ 6,000 คน เต็มพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล และรอบนอกบริเวณถนนพิษณุโลก จนถึงบริเวณถนนหน้าพระบรมรูปทรงม้า ขณะที่บนเวทีปราศรัย สมาชิกพันธมิตร สลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนปราศรัยประณามการสลายกันชุมนุมกันอย่างดุเดือดและต่อเนื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงบ่าย บนเวทีปราศรัยได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมยืนไว้อาลัยให้แก่ผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เป็นเวลา 2 นาที

พธม.ไว้อาลัยงดเคลื่อน3วัน

ขณะที่เวลา 19.00 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตร แถลงเวทีพันธมิตร สะพานมัฆวานฯ ว่า แนวทางการเคลื่อนไหวจากนี้ไปจะใช้กระบวนการทางศาลดำเนินคดีกับบุคคลที่อยู่เบื้องหลังทำให้ประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บในทุกศาลไทย องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึง ป.ป.ช. และกรรมการสิทธิมนุษยชนจะยื่นฟ้องให้เรียบร้อยภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนการเคลื่อนขบวนในช่วง 2-3 วันนี้ของดไว้ก่อนเพื่อไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต

ขณะเดียวกัน หัวหน้าการ์ดพันธมิตรนำแก๊สน้ำตาชนิดต่างๆ หลายลูกซึ่งยังไม่ระเบิด และเก็บได้หลังเกิดเหตุมาแสดงให้สื่อมวลชนดู และมีสลากเตือนเป็นภาษาอังกฤษติดอยู่ด้านข้างว่า "ห้ามใช้ยิงระยะใกล้และในที่มีไฟ เพราะจะเป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์" นายสุริยะใสกล่าวเสริมว่า จะนำแก๊สน้ำตาที่เก็บได้ไปใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาลด้วย
 
นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวปราศรัยว่า พันธมิตรจะจัดทำวีดิโอเหตุการณ์ตำรวจสลายผู้ชุมนุมพันธมิตรให้สถานทูตไทย 80 แห่งทั่วโลก ให้สำนักข่าวต่างประเทศประจำไทยทุกสำนัก จัดส่งให้วุฒิสภา และสภาคองเกรส สหรัฐอเมริกา และพันธมิตรในต่างประเทศ เพื่อชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลไทยทำสิ่งรุนแรงอะไรกับคนไทยบ้าง ขอแนะนำให้ร้านค้าแปะสติ๊กเกอร์ข้อความ "ที่นี่ไม่ต้อนรับรัฐบาลทรราชย์"ไว้หน้าร้านทุกร้าน

"สนธิ"ยันพธม.ถูกใส่ร้ายหาว่ายึดรถเมล์สาย23

เวลา 19.10 น. นายประพันธ์ วงศ์วรรณ พนักงานขับรถเมล์สาย 23 วิ่งระหว่างเทเวศน์-สำโรง หมายเลข 40-174 ทะเบียน 11-8215 เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.สุวรรณ ผลอินทร์ พนง.สส.สบ.3 สน.นางเลิ้งว่า ขณะรับผู้โดยสาร 20 คน เมื่อถึงตรงข้ามตลาดนางเลิ้ง ถนนนครสวรรค์ มีกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดดำแสดงตัวเป็นนักรบศรีวิชัย ขึ้นมาบนรถและบังคับให้ขับรถไปสะพานอรทัย จากนั้น ไล่ตนกับผู้โดยสารลงแล้วยึดรถขับไปจอดขวางกลางสะพานอรมัย เพื่อทำเป็นบังเกอร์
 
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ขึ้นเวทีปราศรัยกล่าวชี้แจงว่า ทางพันธมิตรไม่ได้ทำการยึดรถเมล์สาย 23 แต่อย่างใด เป็นการจงใจปั่นเรื่องหาเรื่อง รถเมล์คันดังกล่าว อยู่ๆก็มาจอดที่สะพานอรทัย ถามว่ามาจอดทำไมก็บอกอะไรไม่ได้ การกระทำดังกล่าว เป็นการเจตนาใส่ร้ายพันธมิตร ขอให้ขสมก.มารับรถเมล์คันดังกล่าวคืนได้ เพราะพันธมิตรไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น

พธม.ตั้งกก.ญาติวีรชน7ต.ค.เอาผิด

ก่อนหน้านี้ วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิภพ ธงไชย แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า แกนนำ และพันธมิตร รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ตำรวจทำร้ายประชาชนจนได้รับบาดเจ็บจนพิการและเสียชีวิต เป็นการกระทำผิดกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่ง ใช้อาวุธหนักทำร้ายประชาชน เพราะฉะนั้นนายกรัฐมนตรีต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้สั่งการ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้ปฏิบัติการรองลงมาจะต้องรับผิดชอบ

นายพิภพกล่าวว่า ญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจะใช้สิทธิฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญาให้ถึงที่สุดกับผู้ที่สั่งการ และต้องนำตัวมาลงโทษจำคุก ทั้งจะจัดตั้งคณะกรรมการญาติวีรชน 7 ตุลาคมขึ้น เหมือนกับญาติวีรชนเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ นำเรื่องราวทั้งหมดไปสู่การฟ้องร้อง ไปสู่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนสหประชาชาติ เพื่อเปิดโปงข้อเท็จจริงในการทำร้ายประชาชนเพื่อนำไปสู่ระดับนานาชาติและระดับสากล

ระดมทุนจ้างทนายยื่นฟ้องศาลโลก

"จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนเรื่องนี้ นอกจากคณะกรรมการญาติวีรชน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน กรรมการจากวุฒิสภา และพรรคฝ่ายค้านหรือสภาทนายความ โดยระดมบุคลากรที่มีความรู้เข้ามาไต่สวนพร้อมกับการต่อสู้ในการฟ้องร้องศาล เพื่อยับยั้งและลงโทษผู้กระทำความผิด รวมทั้งจะเป็นเจ้าภาพในการฟ้องร้องคดีจนถึงที่สุด" นายพิภพกล่าว และว่า นายกรัฐมนตรีตอนนี้ได้รับฉายาว่าเป็น นายกรัฐมนตรีที่กระหายเลือด เป็นฆาตกร และไม่ได้ออกมาแสดงความรู้สึกเสียใจต่อประชาชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใดๆ ทั้งสิ้น
นายพิภพกล่าวว่า ทางพันธมิตรจะต้องตอบโต้ด้วยวิธีการส่งเว็บไซต์ไปทั่วโลก หากไม่สามารถยับยั้งการใช้ความรุนแรงของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ความรุนแรงก็จะมากขึ้น

เวลา 13.40 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ขึ้นเวทีปราศรัย โดยขอฉันทามติจากผู้ชุมนุมเรื่องจะนำเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมขึ้นร้องต่อ ศาลอาชญากรรมที่กระทำความผิดในเชิงสากล ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์

" การยื่นเรื่องต่อศาลอาชญากรรมฯ เพื่อเอาผิดต่อผู้นำประเทศนั้น ถือว่าเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือกันทำความผิดกับนักการเมือง จึงสามารถแจ้งจับตำรวจ ผู้บังคับบัญชาระดับสูงไปจนถึงนายกรัฐมนตรีได้ โดยในระหว่างนี้ต้องใช้เวลารวบรวมหลักฐาน เพื่อประกอบสำนวนคดี ซึ่งต้องใช้เงิน 3 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100 ล้านบาท ในการจ้างทนายเพื่อดำเนินคดี ซึ่งในศาลชั้นนี้จะไม่มีการยื่นอุทธรณ์ หรือฎีกา โดยต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จก่อนตาย" นายสนธิกล่าว

เคลียร์พื้นที่หน้าสภาเสียหายยับ

สภาพหน้าอาคารรัฐสภาหลังเกิดเหตุปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน และเสียชีวิต 2 ราย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานตั้งแต่เช้ามืด วันที่ 8 ตุลาคม ทางกรุงเทพมหานครส่งเจ้าหน้าที่ 200 นาย มาร่วมกวาดขยะทำความสะอาดถนนราชวิถี ตั้งแต่หน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต มาจนถึงถนนอู่ทองในไปจนถึงหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม อย่างไรก็ตาม ร่องรอยความเสียหายยังคงปรากฏอยู่บนถนนหลายจุด ทั้งฝุ่นผงสารเคมีจากกระสุนแก๊สน้ำตา เศษแก้ว ขวดน้ำ รวมถึงรอยเลือดของนายบัญชา บุญแก้ว ผู้ชุมนุมพันธมิตรที่ขาขาด เนื่องจากแรงระเบิดจากกระสุนแก๊สน้ำตาข้างประตูปราสาทเทวฤทธิ์ ยังปรากฏเป็นคราบเลือดอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ ยังมีรอยเลือดปริศนาปรากฏเป็นดวงๆ ตรงบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งอนันตสมาคม ฝั่งตรงข้ามสวนสัตว์ดุสิต ขณะที่รถบัสตำรวจ 3 คัน และรถคุมขังผู้ต้องหา 7 คัน ซึ่งถูกปล่อยลมยางยังจอดไว้ระเกะระกะ เช่นเดียวกับรถร่วม ขสมก.สาย 157 ที่ถูกการ์ดพันธมิตรจี้เพื่อนำมาใช้ทลายด่านสกัดของตำรวจ ก็ยังจอดอยู่ทิ้งไว้หน้าแยกถนนอู่ทองใน โดยมีสภาพพังยับเสียหายทั้งคัน ไฟหน้าแตกกระจาย และกระจกประตูรถแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี

ระทึก! พบระเบิดลูกเกลี้ยง2ลูก

เวลา 06.55 น. เกิดเหตุระทึกขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่ของ กทม.พบระเบิดลูกเกลี้ยง2 ลูก ซุกซ่อนอยู่ในป้อมยามหน้ารัฐสภา ข้างประตูปราสาทเทวฤทธิ์ และตกอยู่ข้างพุ่มไม้ด้านหน้ากองพระราชยานพาหนะ ขณะกำลังเก็บกวาดถนน จึงแจ้งตำรวจนครบาลที่เดินบันทึกภาพความเสียหายในบริเวณดังกล่าว ให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาตรวจสอบ พบว่ามีระเบิดลูกหนึ่งถูกถอดสลักเรียบร้อยแล้ว แต่เคราะห์ดีระเบิดด้านจึงไม่เกิดเหตุสลด ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ยืนยันว่า เป็นเพียงเปลือกของแก๊สน้ำตาเท่านั้นไม่ใช่ระเบิด

นอกจากนี้มีการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นที่อาคารรัฐสภาพบว่า ที่ห้องทำงานของ น.ส.ทัศนา บุญทอง รองประธานวุฒิสภา คนที่ 2 บริเวณชั้น 3 อาคารรัฐสภา 2 มีรอยกระสุนปริศนายิงเข้ามาที่บริเวณหน้าต่างเยื้องกับโต๊ะทำงาน โดยรอยกระสุนดังกล่าวไม่ได้ทะลุกระจก คาดว่าน่าจะเป็นกระสุนยาง ทั้งนี้ ในตลอดช่วงเช้าเจ้าหน้าที่รัฐสภาพูดปากต่อปากว่า ผู้ใหญ่สั่งการให้หยุดงานเป็นเวลา 1 วัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่จำนวนมากรีบออกจากรัฐสภา

ยังแพดปลุกเยาวชนแสดงศักยภาพ

เวลา 18.30 น. นายวสันต์ วาณิช แกนนำพันธมิตรเยาวชนเพื่อประชาธิปไตย (ยัง แพด) ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 4/2551 เพื่อประณามการกระทำโดยมิชอบ ของรัฐบาลและตำรวจ ที่กระทำเกินกว่าเหตุ ในหมู่ของประชาชน และเยาวชน ผู้ร่วมชุมนุมอย่างอารยะสันติ จึงขอประณามบุคคลเหล่านี้ 1.นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงทุกเหตุการณ์และใช้อำนาจในทางมิชอบ 2.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งที่เป็นผู้บังคับบัญชาการออกคำสั่ง และผู้อยู่ใต้การบัญชาการทุกคน ที่มีการกระทำอย่างไร้ซึ่งมนุษยธรรม ต่อเพื่อนร่วมชาติ ขอเรียกร้องให้รัฐบาล พรรคร่วมรัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ และขอให้เยาวชน นักเรียน นิสิต และนักศึกษาทุกสถาบันทั่วประเทศ เข้าร่วมแสดงพลัง และประกาศศักยภาพของเยาวชนไทย ให้พร้อมเพรียงกัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์