ประมวลความเคลื่อนไหวเสื้อแดง vs เสื้อเหลือง-ศอฉ.

เมื่อวันที่ 18 เม.ย. มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงที่ประกาศแผนกดดันรัฐบาล ในเวลาเดียวกับที่ฝ่ายรัฐบาล ในนามศอฉ. ประกาศใช้มาตรการเข้มข้น โดยมีกลุ่มพันธมิตรเสื้อเหลือง ที่เคยเคลื่อนไหวตรงกันข้ามกับเสื้อแดงโผล่แถลงข่าวกดดันด้วยเช่นกัน

ในส่วนของกลุ่มเสื้อแดง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช) ที่เวทีราชประสงค์ เวลา 10.00 น.

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. นำครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ 10 เม.ย. มาแถลงข่าวร่วมด้วย เป็นครอบครัวของ นายบุณธรรม ทองผุย อายุ 46 ปี ประกอบอาชีพช่างไฟฟ้า ทำงานที่กรุงเทพฯ มานานหลายปี  เสียชีวิตบริเวณสี่แยกคอกวัว

นางศุภารัตน์ ภรรยา กล่าวว่า ถึงครอบครัวจะลำบากยากจน แต่ก็มีความสุขดี มาทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ โดยสามีเคยเป็นทหารผ่านศึกมาก่อน สามีเคยเล่าให้ฟังว่า มาทุกวัน พาลูกชายคนเล็กมาด้วยนอนถึงเช้า ในวันเกิดเหตุสามีได้เขียนข้อความลาให้กับลูกชายก่อนออกไปร่วมชุมนุม หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้คุยกับสามีอีกเลยมาทราบข่าวอีกทีเช้าวันที่ 12 เม.ย.โดยเพื่อนบ้านที่ได้ดูโทรทัศน์ได้มาบอกว่าสามีได้เสียชีวิตแล้ว โดยถูกยิงที่ศีรษะในที่เกิดเหตุ เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดจากคนใจดำที่มาทำร้ายครอบครัวของเรา อยากให้นายอภิสิทธิ์ หยุดเพียงแค่นี้

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้รับทราบข่าวจากนายทหารแตงโม ว่า การแจกจ่ายอาวุธปืนลูกซอง โดยมีการระดมจากจังหวัดต่างๆ ผ่านทางกระทรวงมหาดไทย 

กระจายไปที่ พล ร. 2 จำนวน 1,000 กระบอก ไปที่ พล 9 กาญจนบุรี จำนวน 500กระบอก พลม. 2 จำนวน 500 กระบอก  พล ปตอ.จำนวน 500 กระบอก และ พล 1จำนวน 500 กระบอกและกระจายไปยังที่อื่นๆอีก รวมแล้ว ไม่ต่ำกว่า 3,500 กระบอก นอกจากนี้ยังได้มีการจัดกำลังส่วนหนึ่งไปซ้อมยิงกระสุนลูกด้านด้วย สิ่งเหล่านี้คือความพยายามของนายอภิสิทธ์ เพื่อที่จัดการกับประชาชนมือเปล่าให้ได้ นอกจากนี้ยังมีการส่งฉก.90 มาปะปนกับผู้ชุมนุมและใช้เงินสดซื้อรถยนต์มือ 2 จำนวน 6 คันทั้งรถเก็งและรถกระบะ เพื่อใช้ชิ่งตัวแกนนำด้วย

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า แกนนำนปช.เห็นตรงกันว่าวันที่ 20 เม.ย.จะระดมพลครั้งใหญ่เพื่อขับไล่นายอภิสิทธิ์ เป็นการระดมคนเสื้อแดงทั่วประเทศทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด จะรวมตัวกันที่แยกราชประสงค์แห่งนี้  ซึ่งจะเป็นยุทธการรวมพลแดงทั่วไทย ไล่ทรราช มือเปื้อนเลือด ส่วนจะเคลื่อนไปที่ใดหรือไม่จะมีการประกาศอีกครั้ง

สำหรับการทำชีดีแจกจ่ายให้กับประชาชนนั้น วันนี้น่าจะได้เป็นรูปเป็นร่างเพื่ออธิบายความจริงให้กับสาธารณชนทราบ ซึ่งหากรัฐบาลจัดทำซีดีของรัฐบาลจำนวน 5 แสนแผ่น เราก็จะทำซีดีไม่น้อยกว่า 5 แสนแผ่นเช่นกัน

เวลา 16.45 น. นายวีระ มุสิกพงษ์ ประธานนปช. กล่าวบนเวทีว่า  ขอให้พี่น้องเสื้อแดงทุกคนมั่นใจว่า ที่สี่แยกราชประสงค์ที่เราชุมนุมอยู่ขณะนี้เป็นพื้นที่ปลอดภัย เว้นแต่รัฐบาลคิดเดินหน้าสลายการชุมนุม  วันนี้คนเสื้อแดงพร้อมสละแล้วทุกอย่าง ถ้าจะจำเป็นต้องสละชีวิตเพื่อรักษาอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงก็ต้องทำ

วันเดียวกัน ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) ที่มีคำสั่งเรียกบุคคลต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวหรือสนับสนุนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง

กลุ่มบุคคลดังกล่าว ทยอยเดินทางมารายงานตัวที่ ศอฉ. ภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) ตลอดทั้งวัน โดยเมื่อเวลา 14.25 น. นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล อดีต รมว.คมนาคม พร้อมทนายความ เดินทางเข้ามารายงานตัวที่ ศอฉ.ด้วยเช่นกัน ยืนยันว่าตนไม่ได้มีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว

ส่วนการแถลงข่าวของศอฉ. ก่อนหน้านี้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. กล่าวว่า

การประชุมหน่วยขึ้นตรงของกองทัพในวันจันทร์ที่ 19 เม.ย.นี้ ก็เป็นการประชุมประจำเดือนตามปกติ แต่เชื่อมั่นว่า จะต้องชี้แจงเรื่องสำคัญของการชุมนุมที่ผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้รับทราบด้วย ขณะเดียวกัน ศอฉ.จะเพิ่มจุดตรวจเข้ามีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมแฝงเข้ามากับประชาชนที่จะเดินทางกลับเข้ากทม.

ด้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดประชุมใหญ่เครือข่ายทั่วประเทศ ที่อาคารนันทนาการ มหาวิทยาลัยรังสิต  มีแกนนำพันธมิตรเข้าร่วมอย่างครบถ้วน

อาทิ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสุริยะใส กตะศิลา ยกเว้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เป็นมติของแกนนำ เป็นหน้าที่ของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เมื่อกำหนดไว้ต้องทำตาม 7 วันเตรียมปักหลักกันอีกครั้ง เอาเมืองไทยไม่อยู่ไม่เลิก เราชนะแน่ เมื่อพ้น 7 วัน จะวิเคราะห์สถานการณ์และพร้อมใส่เสื้อเหลืองออกมา ใครพร้อมที่จะสู้ก็ออกมาเลย ใครอยู่บ้านก็ให้รอดูพร้อมฉลองชัยชนะพร้อมๆ กัน  
 
นายสุริยะใส กล่าวว่า หากภายใน 7 วันไม่มีอะไรดีขึ้น แกนนำพันธมิตรทั้งรุ่นแรกและรุ่นสอง จะกำหนดการเคลื่อนไหวทันที และจะปรับเอเอสทีวีให้ทันกับสถานการณ์ต่อไป