ปชป.แฉเหตุไอทีวีแพ้คดี ชี้ รัฐเลือกปฏิบัติ-สร้างผลประโยชน์ทับซ้อน

ปชป.แฉเหตุไอทีวีแพ้คดี ชี้ รัฐเลือกปฏิบัติ-สร้างผลประโยชน์ทับซ้อน

นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 พฤษภาคม 2549 16:14 น.

เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ แฉ 2 พฤติกรรมน่าสงสัยกรณีไอทีวีเลือกปฏิบัติ-สร้างผลประโยชน์ทับซ้อน ระบุ เมินเฉยต่อการปกป้องสิทธิของชาติ เปรียบเสมือนจัดฉากและสมรู้ร่วมคิดกอบโกยทรัพย์สินหลวงเป็นของตัวเอง

วันนี้ (10 พ.ค.) นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่า จากการที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งเพิกถอนคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ กรณีให้บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) จ่ายค่าสัมปทานปี 230 ล้านบาท จากที่ต้องจ่ายปีละ 1,000 ล้านบาท รวมทั้งเพิกถอนให้ไอทีวีปรับลดสัดส่วนนำเสนอรายการ ข่าวสาร สาระ ต่อรายการบันเทิงจากเดิม 70 ต่อ 30 เป็น 50 ต่อ 50 จึงมีข้อที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลชุดนี้มีความจริงใจต่อการรักษาผลประโยชน์มากน้อยเพียงใด เพราะจากการตัดสินของอนุญาโตตุลาการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) แพ้ไอทีวี เมื่อปี 2547 รัฐบาลไม่ได้เร่งรีบในการเรียกร้องสิทธิและผลประโยชน์กลับคืนมาสู่รัฐ แม้จะมีการกดดันจากมวลชน ซึ่งทำให้เห็นถึงพฤติกรรม 2 ลักษณะ คือ 1.การเลือกปฏิบัติ เห็นได้จากกรณีค่าโง่ทางด่วน 6,200 ล้านบาท ที่นายกฯแสดงท่าทีขึงขังในการปกป้องผลประโยชน์ให้กับรัฐ โดยการตั้งทีมกฎหมายยื่นอุทธรณ์เพื่อจะไม่จ่ายค่าโง่ดังกล่าว ภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน แตกต่างจากที่ สปน.ใช้เวลา 2 เดือนกว่า ในการยื่นคำร้องศาลปกครอง เพื่อเพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และยังมีคำถามตามมา ว่า การที่สปน.ฟ้องไอทีวีนั้น เพื่อลดกระแสความไม่พอใจทางสังคม

และ 2.การเจรจาต่อรองที่ส่อแววว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยมีความพยายามในการเปิดช่องให้ไอทีวี ละเมิดสัญญาขยายช่วงเวลาไพรม์ไทม์ จากเดิมเวลา 19.00 - 21.30 น.เป็นเวลา 18.00-23.00 น.รวมทั้งปรับผังรายการให้มีรายการบันเทิงรวมอยู่ช่วงเวลาข่าว โดยอ้างมติ ครม.เมื่อวันที่ 4 พ.ย.2546 ที่กำหนดให้ออกอากาศรายการเด็ก เยาวชน และครอบครัว ในช่วงไพรม์ไทม์ 18.00-23.00 น.มาสร้างความชอบธรรมให้กับการปรับผังของไอทีวี

พฤติกรรมในขณะนั้นมีความน่าเคลือบแคลงสงสัยเป็นเสมือนละครฉากใหญ่ที่หลอกลวงประชาชน ไม่ผิดกับคำวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้ ที่มีเสียงครหาถึงการสมรู้ร่วมคิด แบบแยบยล บ่งชี้ถึงความน่าสงสัย ว่า อาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะกิจการไอทีวีในขณะนั้น ก็คือ 1 ในเครือชินคอร์ป ซึ่งยังเป็นของตระกูลของชินวัตรอยู่ วันนี้คำตัดสินศาลปกครองที่ให้ สปน.เป็นผู้มีชัย อาจไม่ใช่การสิ้นสุดกรณีพิพาท แต่เป็นการแสดงให้เห็นทาสแท้รัฐบาล ที่ยอมให้ประชาชนได้รับประโยชน์เมื่อตนเองไม่มีผลประโยชน์ในกิจการนั้นแล้ว นายเกรียงศักดิ์ กล่าว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์