นร.แจงความผิดแม้ว 14 ข้อ ให้ฉายาแสบ ซาตานในคราบนักบุญ

นร.แจงความผิดแม้ว 14 ข้อ ให้ฉายาแสบ ซาตานในคราบนักบุญ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 กุมภาพันธ์ 2549 13:11 น.

ขาสั้นทนไม่ไหว กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ ไม่สามารถมอบความไว้วางใจให้ชายชื่อทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีของไทยได้อีกต่อไป แจงเหตุหมดความชอบธรรม 14 ข้อ สะท้านทรวง ให้ฉายา ซาตานในคราบนักบุญ ชี้ปัญหาของประเทศเกิดจากนายกฯ เพียงคนเดียว แค่ลาออกทุกอย่างก็จบ ปฏิเสธเข้าร่วมชุมนุม รอประเมินสถานการณ์หลัง 26 ก.พ.หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงจะล่ารายชื่อ นร.มัธยมทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เพื่อแสดงความรู้สึก

เมี่อวันที่ 21 ก.พ.ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการบริหารประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำโดยนายยศ ตันสกุล นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา ในฐานะประธานผู้ก่อตั้งกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย นายศิวาวุธ สิทธิเวช นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา รองประธานกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย และนายภัทรนันท์ ลิ้มอุดมพร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ร.ร.เตรียมอุดมศึกษา โฆษกกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย

นายยศ กล่าวว่า การออกมาแถลงการณ์ครั้งนี้ทำในนามส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับสถาบันการศึกษา เนื่องจากกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนนักเรียนจากสถานศึกษาประมาณ 30 สถาบัน ในฐานะปัจเจกบุคคล ต้องการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ หมดความสง่างามไม่สมควรที่จะบริหารประเทศต่อไป

นายศิวาวุธ กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยมีความเห็นตรงกันว่า ไม่อาจไว้วางใจให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้อีกต่อไป โดยมีเหตุดังนี้ 1.นโยบายประชานิยมของพรรคไทยรักไทย ทำให้ประชาชนต้องพึ่งพารัฐมากเกินไป แทนที่จะยืนอยู่บนขาของตนเอง และนโยบายประชานิยมควรต่อยอดนำไปสู่รูปแบบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม 2.การปฏิรูปการศึกษาล่าช้า ไม่มีความคืบหน้า มีเพียงความคงที่และถอยหลังเท่านั้น ไม่ก่อให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง เพียงแค่มีการปรับหลักสูตรแต่เนื้อหายังไม่ทำให้นักเรียนได้คิดวิเคราะห์ หรือเปลี่ยนแปลงจากวิธีการเรียนแบบท่องจำในอดีต แม้แต่การเปลี่ยนแปลงระบบเอนทรานซ์ไปสู่ระบบแอดมิชชันก็นำไปสู่ข้อโต้เถียงจนมีกระแสข่าวว่านายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ จะปรับไปสู่ระบบการเอนทรานซ์อีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงตัวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการบ่อยครั้ง

ในรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดความมัวหมองในระบบเอนทรานซ์ แม้จะมีการสรุปผลว่าข้อสอบเอนทรานซ์ไม่รั่ว แต่ก็เกิดความมัวหมองขึ้นกับระบบทีไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่สำคัญเกิดขึ้นในขณะที่ท่านเป็นรัฐบาลและเกิดขึ้นในปีที่บุตรสาวของท่านสอบเอนทรานซ์ด้วย นายศิวาวุธ กล่าว

นายศิวาวุธ กล่าวต่อไปอีกว่า 3.ไม่เป็นแบบอย่างที่แข็งแกร่งในการส่งเสริมประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม สะท้อนจากคำพูดของนายกฯที่ว่า ประชาธิปไตยเป็นเพียงเครื่องมือ ไม่ใช่เป้าหมาย โดยมีการจำกัดเวทีในการแสดงความคิดเห็นที่ตรงกันข้ามกับรัฐบาล 4.ไม่ให้เกียรติกับระบบรัฐสภา ไม่เชื่อถือในกระบวนการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ และพยายามส่งคนของตนเข้าไปครอบครององค์กรอิสระทั้งหลาย นอกจากนี้ เมื่อรัฐสภาตั้งกระทู้ถามในที่ประชุม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยไปร่วมตอบกระทู้ในสภาแม้แต่ครั้งเดียว ถือเป็นความไม่รับผิดชอบต่อระบบรัฐสภา 5.ไม่เป็นรแบบอย่างที่ดีในเรื่องความประหยัด มัธยัสถ์ และสร้างค่านิยมที่ถูกต้องเหมาะสมให้กับสังคม เห็นได้จากการส่งเสริมให้คนเป็นหนี้ ใช้จ่ายมากขึ้น หรือเมื่อว่างเว้นจากการทำงาน พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มักจะพาครอบครัวไปเที่ยวต่างประเทศ แทนที่จะเที่ยวอยู่ภายในประเทศไทย นอกจากนี้นายกฯยังพยายามผลักดันให้มีบ่อนการพนันที่ถูกต้องตามกฎหมาย ตลอดจนการนำหวยใต้ดินเข้ามาสู่ระบบที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งไม่ใช่ค่านิยมที่ดี

6.ไม่มีภาพของผู้นำทางศีลธรรม จริยธรรม และคุณธรรม จากกรณีการขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ให้นายสุวรรณ วลัยเสถียร ทนายความออกมาแถลงข่าว โดยระบุว่าไม่ได้รับมอบหมายให้มาตอบเรื่องงจริยธรรม แสดงให้เห็นว่านายกฯ ไม่ได้ตระหนักถึงความสำคัญทางจริยธรรม ซึ่งประเทศไทยจำเป็นจะต้องมีผู้นำที่เป็นคนดีและคนเก่งด้วย 7.เป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเองสูงมาก จนไม่สนใจฟังเสียงของผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งที่การเป็นผู้นำประเทศจำเป็นจะต้องรับฟังความเห็นที่หลากหลายเพื่อนำไปแก้ไขสิ่งที่ไม่ถูกควร แต่ที่ผ่านมาเมื่ออาจารย์มหาวิทยาลัยออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มักจะตอบโต้ด้วยถ้อยคำไม่เหมาะสม 8.เป็นผู้นำเผด็จการ อำนาจนิยม นิยมใช้อำนาจและความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น การแก้ปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นายกฯออกมาพูดว่า โจรกระจอก เป็นต้น 9.มีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของชาติและประชาชน 10.ความจนไม่หมดไป แต่ช่องว่างระหว่างชนชั้นกลับสูงขึ้น 11.เป็นเผด็จการทางรัฐสภา ด้วยการครองเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จ ส่งผลต่อการพิจารณา กฎหมายต่างๆ และทำให้ฝ่ายค้านไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้

การที่รัฐบาลมีเสียงข้างมากเกือบ 400 เสียง ทำให้ระบบการตรวจสอบเป็นง่อย ไม่สามารถเปิดสภาได้ จนทำให้มีวันนี้ที่ฝ่ายค้านต้องไปขอเสียงสนับสนุนจาก ส.ส. รัฐบาลเพื่อเปิดรัฐสภาตามระบบซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะนายกฯ พูดอยู่เสมอว่าขอให้เล่นตามกติกา ดังนั้น จึงควรให้ระบบรัฐสภาได้ทำงาน นายศิวาวุธ กล่าว

นายศิวาวุธ กล่าวอีกว่า 12.ไม่รักษาสัญญาที่จะเป็น Strong Prime Minister ที่จะเดินหน้าปราบปรามทุจริต คอร์รัปชัน โดยไม่จำเป็นต้องมีใบเสร็จ แต่ที่ผ่านมานายกฯใช้วิธีการปรับคณะรัฐมนตรีเพื่อลดกระแส เห้นได้จากกรณีซีทีเอ็กซ์ มีการปรับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แต่เป็นเพียงปรับเปลี่ยนตำแหน่งมิใช่ปรับออก รัฐบาลชุดนี้จึงเหมือนรัฐบาลเก้าอี้ดนตรี ที่ผลัดกันมาชื่นชมตำแหน่งเท่านั้น 13.การที่รัฐบาลอ้างตัวว่ามาจาก 19 ล้านเสียงตามระบอบประชาธิปไตยโดยไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน เช่น การแก้ปัญหากรณีตากใบ หรือการฆ่าตัดตอน เพื่อปราบปรามยาเสพติด จนสหประชาชาติรายงานสถาการณ์สิทธิมนุษยชนไทยว่าอยู่ในสภาวะน่าหวาดระแวง

นายกฯ อ้างว่าหากลาออกจากตำแหน่งจะเป็นการทรยศต่อประชาชน กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยจึงขอเรียกร้องให้ท่านเลิกทรยศต่อประชาชน ด้วยการทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง เพราะที่ผ่านมานายกฯได้ทรยศต่อประชาชนไปแล้ว โดยรวมเอา ส.ส.จากพรรคต่างๆ เข้ามาไว้ในพรรคตน เพื่อทำให้การโค่นอำนาจนายกฯ ออกจากตำแหน่งทำได้ยาก ที่สำคัญนายกฯไม่มีสิทธิที่จะให้สิ่งหนึ่งกับคนไทยแล้วเอาสิ่งหนึ่งไปจากคนไทย นั่นคือ เมื่อนายกฯให้เงินกับคนไทย ก็ไม่ได้หมายความว่านายกฯจะเอาเสรีภาพไปจากคนไทยได้ เพราะประชาชนควรได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะสิทธิเสรีภาพ ที่พวกเขาควรได้รับ นายศิวาวุธ กล่าว

นายศิวาวุธ กล่าวต่อว่า 14.สร้างประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยแบบชี้นำ โดยยึดเอาสภาไปอยู่ในกำมือของตน เพื่อให้ออกกฎหมายให้เป็นไปตามที่ต้องการ เช่น การแก้กฎหมายให้ต่างชาติ เข้าถือครองหุ้นเพียง 2 วันก่อนที่จะเทขายหุ้นให้เทมาเส็ก เป็นต้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราจึงไม่อาจมอบความไว้วางใจให้กับชายที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปได้ เพราะหากสังคมใดยังยืนอยู่บนความแร้นแค้นก็ไม่สามารถที่จะมีความผาสุกได้ พวกเราขอมอบฉายาให้กับทักษิณ ชินวัตรว่า ซาตานในคราบนักบุญ และขอเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่ง เพราะปัญหาขณะนี้เกิดจากตัวท่านเพียงคนเดียว หากท่านลาออกปัญหาทุกอย่างก็จะจบลง

นายศิวาวุธ กล่าวด้วยว่า ได้ติดตามข่าวสารจากทั้งผู้ที่ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี เช่น รายการเมืองไทยรายสัปดาห์ และผู้ที่สนับสนุนนายกฯ โดยฟังรายการนายกฯ ทักษิณคุยกับประชาชนด้วย เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์ ไม่ใช่การฟังความเห็นด้านเดียวอย่างแน่นอน

กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงการชุมนุมที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 26 ก.พ. ด้วยว่า ไม่ขอเข้าร่วมการชุมนุม เนื่องจากต้องเรียนหนังสือและตรงกับวันสอบแอดมิชชั่น แต่หากนักเรียนคนใดจะเข้าร่วมการชุมนุมก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล และเรียกร้องให้การชุมนุมในวันดังกล่าวเป็นไปอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่นองเลือด นอกจากนี้ ได้เรียกร้องให้นักเรียนร่วมกันออกมาแสดงความคิดเห็น และแสดงจุดยืนทางการเมือง เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องไกลตัวและในอนาคตทุกคนก็จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นเยาวชนควรจะออกมาแสดงความคิดเห็นบ้าง

สำหรับความเคลื่อนไหวต่อไป กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตย จะขอรอดูสถานการณ์ภายหลังวันที่ 26 ก.พ.ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยจะออกมาล่ารายชื่อนักเรียนเพื่อทำเป็นจดหมายเปิดผนึกส่งถึงนายกฯ แม้ว่าจะไม่มีผลทางกฎหมายแต่ก็ถือเป็นการแสดงออกทางความรู้สึก อย่างไรก็ตามหลังวันที่ 26 ก.พ. กลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยจะหารือร่วมกันเพื่อจัดเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนแสดงคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว รวมถึงจะมีการเปิดเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่กิจกรรมของกลุ่มนักเรียนฯ อย่างกว้างขวางต่อไป และยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนฯไม่มีเบื้องหลังอย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ น.ส.ธิษะณา ชุณะหวัณ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนรุ่งอรุณ บุตรสาวนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส.ว.ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์ในฐานะกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยด้วย โดย น.ส.ธิษะณา กล่าวว่า การออกมาร่วมกับกลุ่มนักเรียนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับนายไกรศักดิ์ เป็นการเคลื่อนไหวของตนเอง เนื่องจากเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรจะบริหารประเทศในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกต่อไป แม้แต่นาทีเดียว ซึ่งตนไม่ได้เกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เกลียดการบริหารงานของนายกฯ ทักษิณที่ไม่มีความชอบธรรม

ทั้งนี้ ระหว่างที่กลุ่มนักเรียนฯ แถลงข่าวนั้น ได้มีอาจารย์จากโรงเรียนมัธยมต่างๆ 4 คน ได้มายืนสังเกตการณ์และดูรายชื่อสื่อมวลชนที่มาร่วมแถลงข่าวอยู่บริเวณหน้าห้องแถลงข่าวด้วยท่าทีกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือยอมรับว่าเป็นอาจารย์แต่อย่างใด

อนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 15.00 น.ผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาจะเปิดแถลงข่าวถึงการเคลื่อนไหวของนักเรียนในครั้งนี้ เนื่องจากแกนนำส่วนใหญ่เป็นเด็กในสังกัดเตรียมอุดมฯ ซึ่ง "ผู้จัดการออนไลน์" จะนำเสนอรายละเอียดต่อไป

เสรีชี้เด็กมัธยมไล่นายกฯความคิดการเมืองก้าวหน้า

เสรี ชี้เด็กมัธยมออกเคลื่อนไหวไล่ ทักษิณ เป็นตัวอย่างที่ดี มีความคิดทางการเมืองก้าวหน้า สร้างแนวร่วมต้านนายกฯ มากขึ้น หวั่นบานปลายหากนายกฯ ไม่ยอมยุบสภา ระบุ จำลอง สร้าง ทักษิณ มากับมือ ยังออกมาไล่ เชื่อหากยังไม่ชนะ ยังไม่เลิก

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวถึงกรณีที่นักเรียนเตรียมอุดมศึกษาออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกว่า สะท้อนให้เห็นว่าเด็กเหล่านี้มีความรู้ความเข้าใจต่อปัญหาบ้านเมืองที่เกิดขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมีความก้าวหน้าทางความคิดทางการเมือง แสดงให้เห็นถึงความพร้อมเมื่อโตขึ้นจะมีความรับผิดต่อบ้านเมืองเป็นอย่างดี เพราะเป็นนักเรียนมัธยมแต่กล้าตัดสินใจพิจารณาว่าการบริหารงานของนายกรัฐมนตรีมีประโยชน์มากน้อยเพียงใด

นอกจากนี้จะเป็นตัวอย่างให้กับผู้ใหญ่อีกหลายกลุ่มได้พิจารณาปัญหานี้มากขึ้น จากที่ไม่เคยให้ความสนใจ ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรียังยืนกรานที่จะไม่ยุบสภาหรือลาออกนั้น เป็นเพียงคำพูดในปัจจุบัน แต่เชื่อว่า ในที่สุดนายกฯ จะเลือกยุบสภาในช่วงที่รัฐบาลไม่เพลี่ยงพล้ำ และยังมีกระแสนิยมตอบรับดี อย่างไรก็ตามตนเห็นว่านายกฯ ต้องตัดสินใจยุบสภารวดเร็วเพราะหากปล่อยเวลาเนิ่นนานออกไป จะทำให้สถานการณ์บานปลายออกไป

ผมตั้งข้อสังเกตว่า นอกจากนักเรียนนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว กลุ่มที่ใกล้ชิดกับนายกฯเองก็ยังออกมาขับไล่เช่นเดียวกัน ถือเป็นการสั่นคลอนรัฐบาลที่ไม่สามารถบริหารต่อไปได้ โดยเฉพาะ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม ถือว่า เป็นคนผลักดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เจริญเติบโตทางการเมือง ซึ่งความจริงแล้ว พล.ต.จำลอง ต้องประคับประคอง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้อยู่ตลอดรอดฝั่ง เหมือนคนที่ปลูกต้นไม้ก็ต้องหวังให้เจริญเติบโตออกดอก แต่กลับต้องฟันต้นไม้ทิ้ง แสดงให้เห็นว่า ต้นไม้เจริญเติบโตผิดปกติหรือรากเน่าแล้ว ซึ่ง พล.ต.จำลอง ก็คงแก้ปัญหาไม่เอาต้นไม้แล้ว หากปล่อยไว้ก็คงลามไปทั่ว นายเสรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า เกรงว่าปัญหาจะบานปลายหรือไม่เมื่อ พล.ต.จำลอง ออกมาร่วมชุมนุม นายเสรี กล่าวว่า พล.ต.จำลอง มีประสบการณ์ในเรื่องการชุมนุม คงเห็นว่าหากรวมตัวกันในลักษณะมาเช้ากลับเย็นหรือมาเย็นกลับมืด และชุมนุมเพียงวันเดียวจบ ไม่เหนียวแน่น ก็จะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่ง พล.ต.จำลอง ยึดหลักการต่อสู้เมื่อชนะถึงจะเลิก ดังนั้นเมื่อตัดสินใจร่วมแล้วก็คงไม่ต่างจากเมื่อครั้งปี 2535 ส่วนจะรุนแรงหรือไม่อยู่ที่ความร่วมมือของทุกฝ่ายไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกันจนนำไปสู่ความรุนแรง

นายเสรี กล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลจะเปิดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ไม่มีทางคลี่คลายได้ เพราะปัญหานอกสภาและในสภาเป็นคนละเรื่อง โดยเฉพาะในสภา โควตาของคนที่พูดก็ยังเป็น ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ เท่ากับเป็นวาระที่ซ่อนเร้นเช่นเดียวกับการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ใช่เจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐบาล โดยเฉพาะการปลดล็อคให้ ส.ส.สังกัดพรรค 90 วันเป็นการสร้างภาพมากกว่า เนื่องจากนักศึกษาและอาจารย์มหาวิทยาลัยออกมาเคลื่อนไหวขับไล่ตนเองจึงต้องประสานไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์