ทบ.หวั่นคลื่นใต้น้ำโผล่-ส่งทหาร 3 กองพันปูพรมคุมทั่ว กทม.

ทบ.ส่งทหาร 3 กองพลปูพรมลง 1,800 หมู่บ้าน ในกทม. และ หมู่บ้าน ในเขตอำเภอ 5 จังหวัดรอบนอก สกัดคลื่นใต้น้ำ ผบ.พล.1 รอ. ระบุ ใครมีพฤติกรรมส่อเรียกคุยเป็นพิเศษ เผยแค่เสริมตำรวจ-ฝ่ายปกครอง ไม่ได้แย่งบทพระเอกในการทำงาน ห่วงคนจนเห็นค่าเงินมากกว่าอุดมการณ์ ด้าน มทภ.1 ยันทหารไม่คิดสืบทอดอำนาจ แค่ต้องการแก้ไขปัญหา พร้อมถามปฏิวัติมาแค่ 3 เดือนมาเรียกร้องประชาธิปไตย เร็วไปหรือเปล่า โวยพวกค้านอัยการศึกเอาใจฝรั่ง เผยคนไทยชอบเชียร์คนเพลี่ยงพล้ำเตือนให้เลือกข้างให้ถูก ยึดผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก
วานนี้ ( 7 ธ.ค.) เวลา 14.00 น.ที่สโมสรกองทัพบก ถ.วิภาวดีรังสิต พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผอ.รักษาความสงบเรียบร้อบในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ได้เป็นประธานการประชุมประสานความร่วมมือแก้ปัญหความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑลครั้งที่ 1 โดยมี ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตัวแทนของผู้ว่าราชการจังหวัดปริมณฑล ประกอบด้วย นนทบุรี นครปฐมสมุทรปราการ สมุทรสาคร ปทุมธานี หัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหารในเขตพื้นที่ กรุงเทพ ฯและปริมณฑล ปลัดกทม. ผอ.เขต กทม. สมาชิก องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประมาณ 600 คนเข้าร่วมประชุม

พล.ต.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ผู้บัญชาการกองพลทหาราบที่ 1 รักษาพระองค์ ( ผบ.พล.1 รอ.) กล่าวว่า จะมีการส่งทหารลงไปในพื้นที่ชุมชนต่างๆในกทม.และ ปริมณฑล คลอบคลุมทุกเขต โดยได้มีการเริ่มเข้าไปในพื้นที่บ้างแล้ว และในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะเข้าไปครบหมด โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนและเสริมการทำงานของ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และกทม. แต่ยืนยันว่าจะไม่ใช่การไปแย่งการทำงานแต่เข้าไปเสริมการ ปฏิบัติงานในพื้นที่เป็นสื่อในการนำความเดือดร้อนของประชาชนในการไปประสานกับตำรวจและฝ่ายปกครอง แนวคิดในการลงพื้นทีจะใช้ยุทธศาสตร์พระราชทาน เข้าใจ เข้าถึงพัฒนา เพื่อสนับสนุนผอ.เขต ตำรวจนครบาล สก. สข. เป็นหลัก

ทหารที่ลงไปไม่ได้เปลี่ยนแปลงการทำงานของท่าน พวกท่านยังเป็นพระเอกเรายังสนับสนุนท่านเหมือนเดิม การเข้าไปเข้าไปเป็นชุด เข้าในในทุกชุมชนไม่ได้มีการแยกแยะว่าเป็นฐานเสียงของพรรคเก่า หรือ พรรคใหม่ เดินเข้าไปดุ่ยๆไปเก็บข้อมูล และหากพบกลุ่มที่มีพฤติกรรมที่ส่อไปในการสร้างไม่สงบ ก็จะเฝ้าดูเป็นพิเศษ และ มาพูดคุยเป็นพิเศษ ดังนั้นหากพวกท่านเห็นทหารไปป้วนเปี้ยนอยู่ในชุมชนก็อย่าตกใจ เพราะเราจะแต่งเครื่องแบบมีการแสดงตัวชัดเจน ไม่ทำลับๆ ล่อๆ ไปถึงก็จะไปแนะนำตัวกับผอ.เขต หรือ โรงพัก

ผบ.พล.1 รอ. กล่าวว่า สิ่งที่ตนห่วงใยอยู่ประการเดียวคือกลุ่มประชาชนที่ เงินมีค่ากับเขาในการดำรงชีวิต แค่ 300-500 บาท ก็เป็นค่ากับข้าวได้ทั้งสัปดาห์ ตนเชื่อมั่นว่าตนคิดว่าทุกท่านในที่นี้มีศักยภาพพอที่จะทำความเข้าใจกับคนเหล่านี้ได้อย่าให้เงินซื้ออุดมการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ได้ และ ขอให้ทุกคนจงอดทน

พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) กล่าวว่าอยากให้การจัดกำลังลงไปใน 1,800 ชุมชนใน กทม.ได้เริ่มจากชุมชนที่มีความมั่นคงสูงก่อน เช่นปลอดจากอาชญากรรม ยาเสพติด และแหล่งกบดานของผู้กระทำผิด ไม่เช่นนั้น แล้วจะก่อให้เกิดปัญหาว่าหากทหารลงไปในชุมชนที่อ่อนแอ กลุ่มคนไม่ดีก็จะหนีเข้ามาในชุมชนที่แข็งแรงดังนั้นเราต้องป้องกันดูแลชุมชนที่มีความมั่นคงก่อน เพื่อเป็นการแยกคนร้ายออกจากคนดี ในอนาคตความร่วมมือกันเช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการรับรู้ต่อความเคลื่อนไหวต่างๆมากขึ้น มีความภูมิใจต่อความร่วมมือของทุกฝ่ายในการร่วมกันในงานเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ผ่านมา ซึ่งอยากให้รักษาสิ่งเหล่านี้ไว้เพื่องานในอนาคตคือ งานเฉลิมฉลองที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมพรรษาครบ80 พรรษา และการนำประเทศไปสู่ทิศทางที่ต้องการ

ในฐานะที่รับผิดชอบในเขต กทม. มาตลอด บรรยากาศก่อนหน้านี้ไม่ชัดเจนและไม่มีใครตอบได้ว่าผลจะออกมาอย่างไร บางคนต้องการให้เลือกตั้งบางคนไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ความต้องการหลากหลายมาก เหมือนจะถึงทางตัน ไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ จนถึงวันนั้นเราก็เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ และทุกฝ่ายก็พยายามไปให้ถึงตรงนั้น แต่ต้องใช้เวลา และอาศัยความร่วมมือจากทุกคน ไม่เช่นนั้นก็ต้องใช้เวลามากขึ้น หรือเดินไปไม่ถึงปลายอุโมงค์

พล.ต.ท..วิโรจน์ กล่าวว่า ปรากฏการณ์หรือการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของคนที่ย่อมมีความเห็นต่างเกิดขึ้นได้ แต่การจะเดินไปสู่ความสำเร็จได้หรือไม่นั้น อยู่ที่ทุกคนที่จะร่วมมือกันด้านการข่าวหากการข่าวดีก็จะได้แนวทางที่เหมาะสมในการไปแก้ไข ที่ผ่านมา ทหารและ ตำรวจได้ทำงานข่าวร่วมกันตลอด ไม่ว่าข่าวจะอยู่ต่างประเทศก็ตาม ก็จะนำมาเชื่อมโยงและวิเคราะห์ เพื่อวิเคราะห์ให้มีความถูกต้องแม่นยำ เพื่อวางแผนปฏิบัติให้เหมาะสม แม้กระทั่งการชุมนุมที่จะมีในวันที่ 10 ธ.ค.หรือเมื่อใดก็ตาม ทหาร และตำรวจก็ได้ประชุมประชาคมข่าวมาตลอดเพื่อประเมินสถานการณ์เพื่อนำไปปฏิบัติเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ตัวแทนองค์กรปกรองส่วนท้องถิ่น ทั้งจาก นครปฐมปทุมธานี กทม.หลายคนได้แสดงความคิดเห็น และ พร้อมให้ความร่วมมือกับทหาร พร้อมเรียกร้องให้ช่วยเหลือในเรื่องของปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ นอกจากนั้น ยังติงเรื่องการประชาสัมพันธ์ของ คมช.ที่ไม่สามารถชี้แจงเรื่องที่มีผลกระทบต่อประชาชนได้อย่างทันท่วงทีทั้งเรื่องราคาข้าวที่ตกต่ำ หรือ การเสนอให้ขึ้นทะเบียนเจ้ามือหวย เพื่อเก็บภาษีและ วางเงินประกัน

พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า สำหรับการจัดวางกำลังในการลงพื้นที่ชุมชนต่างๆ จะเน้นตามพื้นที่ของหน่วยทหาร ประกอบด้วย พล.1รอ. และ กองพลปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน (ปตอ.) จะดูแลในเขตกทม.ฝั่งตะวันออก กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ม.2 รอ.) ดูบางส่วนในเขตกทม.และปริมณฑล หน่วยบัญชาการกำลังสำรอง (นสร.) ดูพื้นที่ฝั่งสมุทรปราการ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) ในเขตปริมณฑล เป็นต้น

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ความสับสนในปัจจุบันที่เกิดขึ้นมีทั้งผู้ไม่หวังดีผู้เสียประโยชน์ และ ผู้บริสุทธ์ ซึ่งวันนี้ทุกคนที่นี่บริสุทธ์ สิ่งที่เห็นในเรื่องการเรียกร้องประชาธิปไตยต่างๆ ตนอยากถามว่า 3เดือนเร็วไปหรือไม่ที่จะต้องเป็นประชาธิปไตย เพราะความจริงต้องให้เวลาเขา คมช.บอกไว้เท่าไหร่ก็ตามนั้น ไม่ต้องการจะอยู่นานกว่านี้ แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว

ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องนำทหารเข้าไปตรงนั้นตรงนี้ ตำรวจ และผู้ว่าฯก็มีงานเยอะแยะอยู่แล้ว ถ้าต้องมาแก้ไขปัญหาเดิมๆอยู่ก็ไม่ต้องปฏิวัติหรอก ก็ปล่อยให้เหมือนเดิมจะดีกว่าไหมครับเพราะฉะนั้นวันนี้เราต้องช่วยลดความกดดันให้รัฐบาลและ เจ้าหน้าที่อย่าไปมองว่าไม่ดีท่าเดียว เราจะต้องขจัดคนไม่ดีออกไปเท่านั้นเอง ลดการทุจริต เข้าใจบทบาทของตัวเอง ลดความเกลียดชัง หวาดระแวง สถานการณ์หลังวันที่ 19 กย. ในฐานะฝ่ายความมั่นคง ผมไม่ห่วงเพราะเชื่อมั่นในบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเชื่อมั่นใน สยามเทวาธิราชเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของบ้านเมืองที่ทำให้บ้านเมืองปลอดภัยมาตลอดและผ่านมาได้ด้วยดี เพราะฉะนั้นขอเวลานิดนึง เรื่องการประชาสัมพันธ์ความจริงต้องยอมรับว่าเราพูดไม่เก่ง ไม่ชอบโอ้อวด แต่งานบางอย่างที่คมช.ทำเขาก็มอบหมายในหน่วยอื่นทำ ก็ต้องให้เขาพูด การทำงานเรานำกฎหมายมาจับ และไม่มีการทำครั้งไหนที่นุ่มนวลแบบนี้ จะเอาอะไรก็ให้

แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ถึงแม้เราจะทำให้บ้านเมืองสงบไปแล้ว แต่ต้องใช้เวลา อยากได้อะไรเราก็ให้ สองอาทิตย์ เราก็คืนอำนาจให้ มีรัฐบาลก็ว่ากันไป แต่ก็ยังออกมาอีกจนทำให้บ้านเมืองไม่สงบ ดังนั้นเราต้องช่วยกัน ทั้ง สก. สข. อบต. อบจ. ช่วยได้ตราบใดที่เป็นทหารแต่งเครื่องแบบประชาชนก็ไม่กล้าที่จะมาพูดกับเรามาก จึงอยู่กับว่าท่านจะนำเขาไปทางไหน พูดกับเขาให้เข้าใจอย่างไร ปัจจุบันปัญหาเยอะมาก เดิมทหารก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไร เมื่อเริ่มเข้าไป และ ผมก็เป็น สนช.ก็เจอปัญหาหลายอย่าง จากที่ไม่รู้เรื่องกฎหมาย ก็เริ่มรู้เรื่องขึ้น แม้จะยากแต่เราก็พยายามอย่างดีที่สุด

ปัญหาสำคัญคือคนไทยเราขาดมิติในเรื่องความมั่นคง ในปัจจุบันโลกภายนอก หรือประเทศใกล้เคียงอะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดประโยชน์แห่งชาติเขาร่วมมือทุกอย่าง แต่เราเอาตัวเองเพื่อนฝูง เอาญาติมาก่อน ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขให้ทุกคนเห็นแก่ผลประโยชน์ของชาติได้ถ้าเราแก้ไม่ได้ บ้านเมืองเราไปไม่ถึงจุดสุดท้าย ไม่ถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราไม่ได้ตระหนักในเรื่องที่มีความสำคัญแม้จะเป็นเรื่องที่ กทม.ถูกจัดเป็นเมืองน่าเที่ยวเป็นอันดับสามของโลกแต่เราก็ไม่สนใจเท่าไหร่ เราจะรู้แต่เพียงว่าเราจะถูกสกัดสิทธิเมื่อใด
เลิกกฎอัยการศึกเมื่อใด ตนถามว่าเดือดร้อนอะไร เพราะตนยังไม่ได้จับใครสักคน อยากจะเดินขบวนก็เดินกันทุกวัน เพราะฉะนั้น ขอให้เห็นใจกฎอัยการศึกเรามีไว้จัดการคนไม่ดี โดยช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในยามปกติก็ต้องขอหมายศาล

แต่ประกาศกฎอัยการศึกปั๊ป ทางตำรวจก็เรียกพี่หาร(ทหาร)ไปด้วย พี่หาร(ทหาร)ก็ไปช่วยเขา ไปจับได้เลย เอามาขังคุกได้หลายวันหน่อยจะได้สอบสวนได้นานหน่อย นี่คือข้อดีของกฎอัยการศึก ทำไมไม่พูดกันตรงนี้ ดีแต่บอกว่าเมื่อไหร่จะยกเลิกกฎอัยการศึกจะได้ลดแรงกดดันจากต่างประเทศ แล้วถึงวันนี้ต่างประเทศมันช่วยอะไรเราไหม ก็ไม่เห็นจะช่วยอะไรเราเลยเพราะฉะนั้นต้องไปดูในมุมมองว่าดีตรงไหน ความจริงผมไม่ได้อยากใช้แค่ประกาศใช้ผมก็ตอบคำถามจนปวดหัวไปหมดทุกวันในช่วง 3 เดือนถามว่าเราใช้สักข้อหรือยังขอฝากไว้ด้วยว่าต้องรอบรู้ในสิ่งเหล่านี้และพูดในสิ่งดีซึ่งกันและกันก็จะจบไม่มีการกระทบกระทั่งกัน ทั้งนี้ความมั่นคงของชาติเป็นเรื่องของรัฐบาลรัฐบาลก็ต้องตอบคำถามทั้งหมด ผมถามว่ารัฐบาลถ้าไปฟังเขาวิจารณ์ในการประชุมสนช.ผมเป็นรัฐบาลผมก็ปวดหัว มีเวลาอยู่ปีเดียว เข้ามาเป็นร้อยเรื่อง ความจริงต้องค่อยแก้กันไป ตัดสินอะไรก็ไม่ได้ เพราะตัดสินใจไปอีกทาง อีกฝ่ายก็ประท้วง อันนี้ผมเข้าใจ เป็นแบบไทยๆ ไม่ได้มีอะไรรุนแรงผมไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว สิ่งต่างๆ เหล่านี้มีผลกระทบต่อทุกคนจึงต้องช่วยกันในทุกส่วน

พล.ท.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในมิติความมั่นคงที่หนึ่งคือ คน เราต้องปรับปรุงคุณภาพของคน ให้มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความรับผิดชอบ สำนักรู้สิทธิ หน้าที่ ตอนนี้มีคนสามประเภท คือ คนรวย นั่งลำดับเหตุการณ์ไปเรื่อยๆประเภทที่สองคือฟังแล้วต้องวิเคราะห์ และประเภทสาม คือพวกการศึกษาน้อยพวกที่เดือดร้อนจริง ดังนั้นพวกที่สองกับสามจะร่วมกันทำ ไปไหนก็ไปด้วยแทนที่จะเอาเวลาก็ไม่แก้ไขปัญหา เดินไปเดินมา ทั้งที่สามกลุ่มนั้นควรจะมาร่วมมือกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง มิติที่สองของความมั่นคงคือ การมีระเบียบวินัย รู้จักหน้าที่ เคารพกฎหมาย ไม่ใช่มีกฎหมายแล้วไปเลิกไปแก้ไข มิติความมั่นคงที่สามคือแรงยึดเหนี่ยวของคนในชาติได้แก่ความมีจริยธรรม สามัคคี ปรองดอง ซึ่งแรงยึดเหนี่ยวคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ดังนั้นต้องไม่ระแวง และตกเป็นเครื่องมือใคร จุดอ่อนของคนไทย คือเข้าใจง่ายให้อภัยง่าย เพลี้ยงพล้ำก็เอาใจช่วย สงสาร เหมือนมวยต่อยไปคนที่เราไม่ได้เชียร์เลือดออก ก็เปลี่ยนข้างมาเชียร์อย่างนี้อยากเตือนว่าขอให้เลือกข้างเชียร์ให้ถูกแล้วก็มั่นคง สิ่งเหล่านี้ต้องปลูกฝัง และ สร้างความมีเหตุผล

วันนี้ทหารไม่ได้มานำท่าน แต่มาช่วยท่าน ผมถนัดแต่เรื่องการวางแผนการรบ ไม่เคยมาทำอย่างนี้ก็ขอกำลังใจกันนิดนึง ในสภา ฯ ที่แถลงเรื่องนโยบายทหารได้มากขึ้นมานิดหน่อย ดีหน่อยไม่มีใครกล้าโวยวายเลย แปลกดีนะ ทุกปีก็บอกว่าได้มากไป แต่ปีนี้ไม่มีเลย ได้เพิ่มมาแค่หมื่นกว่าล้านทั้งที่ต้องการเพิ่มสามแสนล้านบาท เค่รื่องบินที่ผมนั่งทุกวันจะตกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้รถที่วิ่งทุกวันไม่รู้จะหลุดวันไหนก็ไม่ทราบ ยางก็ไม่มีดอก แต่ถึงไม่พร้อมเราก็จะไปหาท่านให้ได้ทุกชุมชน ไปเยี่ยมเยียนกินกาแฟ แต่จ่ายเงินเองนะครับ เราเป็นพี่น้องกันทั้งสิ้น ก็อยากฝากทหารไว้ในหัวใจ ของคนไทยทั้งชาติและประเทศเราต่อจากนี้ก็อยู่ที่พวกท่านและขอให้เลือกเอาคนดีเข้ามาปกครองประเทศด้วย พล.ท.ประยุทธ์ กล่าว