คุกจอมขมังเวทย์ เณรแอ20ปี อ้างมีอิทธิฤทธิ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น สั่งจำคุก 20 ปี  จอมขมังเวทย์ "เณรแอ" อวดอ้างมีอิทธิฤทธิ์ทางไสยศาสตร์ ทำเสน่ห์เรียกสามี-ภรรยาคืนได้ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อรวม28ราย...

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 มิ.ย. ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ฟ้องนายหาญ รักษาจิตร์ หรือ อดีตเณรแอ อายุ 50 ปี เป็นจำเลยในคดีฉ้อโกงประชาชน กรณีระหว่าง เม.ย.42 – 10 ก.ค. 48 จำเลยอวดอ้างว่าเป็นจอมขมังเวทย์ มีความสามารถทางไสยศาสตร์ ทำเสน่ห์ เรียกสามีหรือภรรยาให้กลับมาคืนดีกันได้ จนมีผู้เสียหายหลงเชื่อรวม 28 คน สูญเสียเงินให้แก่จำเลยรวม 910,000 บาท ต่อมาวันที่ 10 ก.ค. 48 ตำรวจกองปราบปราม จับกุมจำเลยได้ที่บ้านพัก อำเภอหนองโดน จังหวัดสระบุรี จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 49 ลงโทษจำคุกจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 วรรคแรก กระทงละ 4 ปี รวม 28 กระทง รวมจำคุกเป็นเวลา 112 ปี คำให้การจำเลยเป็นประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 84 ปี แต่โทษตามความผิดดังกล่าว กำหนดโทษสูงสุดไว้ที่ 20 ปี ศาลจึงสั่งลงโทษจำคุกจำเลยไว้ทั้งสิ้นเป็นเวลา 20 ปี และให้ชดใช้ค่าเสียหายคืนแก่ผู้เสียหายทั้ง 28 ราย

จำเลยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ประชุมปรึกษาหารือแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่

เห็นว่าโจทก์มีผู้เสียหาย 28 คน เบิกความเป็นประจักษ์พยานต่างกรรมต่างวาระกัน มีเหตุผลสอดคล้องโดยตลอด ผู้เสียหายยืนยันว่า จำเลยไม่สามารถเรียกให้สามีคนรักกลับมาได้จริงตามที่กล่าวอ้าง บางรายยังถูกจำเลยกระทำล่วงละเมิดทางเพศ จำเลยยังรับในอุทธรณ์ว่า เงินที่ได้มา เป็นค่ายกครู และอุปกรณ์ในการทำพิธี

นอกจากนี้โจทก์ยังมี นางชไมพร รักษาจิตร์ ภรรยาของจำเลย เบิกความถึงพฤติกรรมของจำเลย ที่ล่วงละเมิดทางเพศกับผู้เสียหาย จนต้องทะเลาะกัน

ถึงขั้นที่ นางชไมพร เคยยิงปืนขู่ขึ้นฝ้าเพดาน จำเลยต้องวิ่งหนีกระโดดออกหน้าต่าง ทำให้ขาหัก ก่อนที่นางชไมพร จะยื่นฟ้องหย่ากับจำเลยที่ ศาลจังหวัดสระบุรี จึงเป็นเหตุที่สนับสนุนว่า จำเลยไม่มีอิทธิฤทธิ์ตามที่อวดอ้างในคำโฆษณาตามสื่อต่างๆ จริง เพราะจำเลยเองยังไม่สามารถทำให้นางชไมพร รักกับจำเลยได้ แต่กลับต้องวิ่งหนีจนขาหัก การกระทำของจำเลยมีเจตนาหลอกลวงคนทั่วไปผ่านคำโฆษณา เพื่อเป็นประโยชน์แก่จำเลยเองโดยตรง รับฟังได้ว่า จำเลยมีเจตนาหลอกลวงเอาทรัพย์สินจากผู้เสียหาย ข้อต้อสู้ของจำเลย ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน.


เครดิต :
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดยหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์