คำต่อคำทักษิณอ้าง กลับไทย อาจนองเลือด-จลาจล

หมายเหตุ"มติชนออนไลน์" -คำสัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเมืองชนิดคำต่อที่"ไทม์ส์ ออนไลน์"เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2552  มีเนื้อหาที่สำคัญคือ รัฐบาลพยายามรักษาอำนาจของตนเองทุกวิถีทางโดยได้รับการสนับสนุนจากทหารและประธานองคมนตรี จึงไม่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย  ถ้าตนกลับประเทศในตอนนี้อาจเกิดความวุ่นวายและนองเลือดเพราะผุ้สนับสนุนตนหลายล้านคนจะออกมาซึ่งรัฐบาลจะใช้กำลังทหารและกระสุนจริง นอกจากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณยังยอมรับว่า มีเงินอยู่นอกประเทศ 200-300 ล้านเหรียญ (เกือบหมื่นล้านบาท) หลังจากที่ถูกซักถามเรื่องนี้หลายครั้ง


ไทม์ส-คุณเคยได้รับเลือกตั้งมา 3 ครั้งในเมืองไทย ไม่เคยแพ้เลือกตั้งแต่มาถูกขับจากอำนาจากการรัฐประหาร ตอนนี้คุณมีสถานะเป็นอย่างไร คุณยังเป็นนายกรัฐมนตรีพลัดถิ่นของเมืองไทยหรือเปล่า

ทักษิณ-ตอนนี้ผมถือว่า ตัวเองเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีเมืองไทย ที่กำลังลี้ภัย ผมถูกร้องขอให้เป็นผู้นำรัฐบาลพลัดถิ่น แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ตอนนี้ผมแค่พยายามจะต่อสู้เพื่อเรียกความยุติธรรมกลับคืนมาไม่ใช่เพื่อตัวเองแต่เพื่อประชาชนคนไทย โดยเฉพาะคนยากจน พวกเขาได้รับโอกาสหลายอย่างและเริ่มจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

แต่การรัฐประหารทำลายความหวังของพวกเขา และตอนนี้ประเทศก็แย่กว่าเมื่อ 3 ปีก่อน ดังนั้น เขาสู้เพื่อความยุติธรรมของพวกเขา พวกเขาสมควรจะได้รับโอกาส
 

ไทม์ส -นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็น ของกัมพูชา เปรียบเทียบคุณว่าเป็นเหมือน"อองซาน ซูจี"ของพม่า คุณว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ดีไหม

ทักษิณ-มันก็มีความคล้ายกันบางอย่าง แต่ไม่ใช่ทุกอย่าง ส่วนที่เหมือนคือเราชนะเลือกตั้ง ผมบริหารปกครองประเทศ เรา(พ.ต.ท.ทักษิณ และ ซูจี)ถูกล้มอำนาจจากการรัฐประหาร และเรามาจากประชาชน เราเป็นผู้นำที่ได้รับเลือกตั้งมา และมาจากเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน เป็นเสียงส่วนใหญ่มาก ไม่ใช่แค่เสียงส่วนใหญ่เล็ก ๆ


ซูจีเธอถูกกักบริเวณอยู่ในบ้านพัก ส่วนผมก็ถูกเขี่ยออกจากประเทศ พวกเขารู้ว่า หากผมยังอยู่ในประเทศ พวกเขาจะแย่ยิ่งกว่ากรณีของนางซูจี
 

ไทม์ส์-คุณกำลังจะไปพบกับนายกฯฮุน เซน ของกัมพูชา ในสัปดาห์ คุณกำลังจะไปตั้งรกรากถิ่นฐานในกัมพูชาหรือ

ทักษิณ-เปล่า ผมสามารถทำงานผ่านออนไลน์ สามารถทำงานผ่านอีเมล์ได้ แต่ผมต้องการจะขอบคุณฮุน เซน เป็นการส่วนตัว หลังจากที่เขาประกาศแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ ผมโทรศัพท์ไปขอบคุณ และเขาจึงเชิญผมไปกัมพูชา


ไทม์ส-รัฐบาลไทยมีปฎิกิริยาเรื่องนี้อย่างแรงมาก มีการถอนทูตเอกอัครราชทูต ทำไมรัฐบาลไทยจึงมีปฎิกิริยารุนแรงเช่นนี้

ทักษิณ-รัฐบาลไทยพยายามจะปกป้องอำนาจตัวเองทุกวิถีทาง พวกเขากลัวว่า หากผมยังพักอยู่ที่นี่ มันจะเป็นการอยู่ใกล้เกินไป แต่ผมจะไม่อยู่ แต่ถึงยังไง ผมก็ต้องไปเที่ยวที่นั่น(กัมพูชา)


รัฐบาลทั้งคณะทำแค่วิตกตื่นกลัวกับผม แต่ไม่ได้ทำอะไรเลยให้ประเทศไทย พวกเขาปกป้องอำนาจตัวเองเกินไป พวกเขาไม่เคยได้อำนาจมากง่าย ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามจะรั้งอำนาจเอาไว้ด้วยความช่วยเหลือจากทหาร และประธานองคมนตรี พวกเขาทำเหมือนงูจงอางหวงไข่


พวกเขาเหมือนเด็กมาก กลัวว่า ถ้าผมอยู่ที่นี่ ผู้สนับสนุนผมจะยิ่งมีกำลังใจมากขึ้น เพราะผมอยู่ใกล้เมืองไทย แต่ผมจะไม่อาศัยที่นี่ ผมรู้ว่ามันใกล้เกินไป แต่ผมจะมากัมพูชาเป็นครั้งเป็นคราว


ไทม์ส -ตอนเดือนมีนาคม (2552)คุณบอกว่า"ถ้ามีเสียงปืนจากทหารที่ยิงประชาชน คุณจะกลับประเทศทันทีและระดมการชุมนุม แล้วกัมพูชาเป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการเดินนำประท้วงกลับประเทศไทยหรือเปล่า

ทักษิณ-ถ้าผมจะเริ่มการเดินนำประท้วง ผมก็เริ่มจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองไทย บนแผ่นดินไทย แต่ผมเข้าเมืองไทยผ่านพรมแดน ผมสามารถเข้าเมืองไทยผ่านลาว กัมพูชา พม่าได้ ผมหาทางได้


ไทม์ส -แล้วภายใต้ภาวการณ์อย่างนี้ คุณจะทำอย่างนั้นไหม

ทักษิณ-ผมพยายามจะไม่ทำ ผมมีขั้นตอนวิธีการ(ที่จะทำเช่นนั้น)คือ ชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป นั่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่มันก็ไม่ได้แก้ปัญหาให้กับเมืองไทยอย่างแท้จริง มันอาจแก้ปัญหาให้ผมได้ แต่ไม่ใช่สำหรับเมืองไทย ปัญหาของเมืองไทยจะต้องแก้ด้วยการนำกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายมาหันหน้าเข้าหากัน และสมานฉันท์ร่วมกัน

รัฐบาลต้องก่เขี่ยผมออกนอกประเทศไทย พวกเขาไม่ต้องการให้ผมกลับประเทศไทย พวกเขาต้องการเขี่ยผมออกจากการเมือง มันมีที่มาจากการเมืองจริงๆ

ถ้าผมกลับไปเดี๋ยวนี้ มันจะเกิดความวุ่นวายกว่านี้ เพราะผู้สนับสนุนผมมีหลายล้านคนที่จะออกมา พวกเขารู้ว่า ผมถุกกระทำทางการเมือง ผมไม่เคยได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรมและยุติธรรม

ถ้าผมกลับไปเดี๋ยวนี้ อาจจะเกิดการนองเลือด เพราะรัฐบาลคงจะใช้กำลังทหารที่ใช้กระสุนจริง ซึ่งมันไม่เป็นประโยชน์กับใคร


ไทม์ส -แล้วมีโอกาสประนีประนอมที่ว่านั่นไหม

ทักษิณ-มี มันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นนั่งหัวโต๊ะในการเจรจา

ทม์ส -คุณได้รับการติดต่อจากบุคคลในรัฐบาลบ้างไหม

ทักษิณ-ไม่ พวกเขาไม่เคยติดต่อผม พวกเขาอ้างว่าโทรศัพท์หาผม แต่จริงๆไม่เคย พวกเขาไม่ต้องการจะแก้ปัญหา แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถครองอำนาจไว้ได้ พวกเขาหมกหมุ่นกับอำนาจ หากประเทศไม่ย่อยยับ และไม่มีใครช่วยให้พวกเขาได้ขึ้นสู่อำนาจ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะมีอำนาจได้


ไทมส์ -มีเงินของคุณจำนวนมากที่ยังอยู่ในเมืองไทย ราว 2,200 ล้านดอลลาร์(ถูกอายัดโดยรัฐบาลซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณถุกกล่าวหาว่า คอรัปชั่น) คุณจะเอากลับคืนมาไหม

ทักษิณ-ผมหวังว่า หากมีความยุติธรรมในสักวันหนึ่ง ผมจะกลับไปเอา เพราะนั่นเป็นเงินของครอบครัวที่มีมาก่อน มันเป็นหุ้นจำนวนเดียวกันที่เราเป็นเจ้าของก่อนเข้าสู่การเมือง และครอบครัวผมทั้งหมดขายหุ้นนั้นทั้งหมดเพื่อให้แหล่งที่มาถุกต้อง  แต่พวกเขาพยายามสร้างเรื่องว่า มีเงินเพิ่มขึ้นมาเพราะอิทธิพลของผม ตอนนี้หุ้นเหล่านี้ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นตามดัชนีของตลาดหุ้น และบางบริษัทก็มีหุ้นที่มีราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าโดยเฉลี่ย แต่มันไม่ใช่บริษัทของครอบครัวผม เป็นบริษัทของคนอื่น


ไทม์ส -แล้วถ้ารัฐบาลบอกคุณว่า "โอเค เอาเงินคุณกลับไป แต่เลิกยุ่งกับการเมือง เป็นแค่นักธุรกิจพอ คุณจะยอมไหม

ทักษิณ-เอ่อ คุณก็รู้ว่า ผมต้องการความยุติธรรม ผมไม่สนว่า จะต้องกลับไปสู่การเมืองหรือไม่ แต่หากคนส่วนใหญ่ต้องการให้ผมกลับไป อย่างนั้นผมก็ต้องกลับ ผมเห็นแก่ตัวเองไม่ได้ แต่ถ้าผมสามารถเลือกได้ ผมจะใช้ชีวิตของผมอย่างสงบ ผมต้องการตั้งพรรคใหม่ชื่อว่า"พรรคใช้ชีวิตอย่างมีสุข"(หัวเราะ)

คุณรู้ว่า ผมไม่มีเวลาที่จะมีความสุขกับชีวิต ผมต้องทำงานตั้งแต่โต หลังจากผมกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แทนที่ผมจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข แต่ผมอาสาทำงานให้กับประเทศ โดยปกติแล้ว การเมืองไม่ใช่ที่สำหรับคนรวยที่จะเอาไป คนที่เป็นคนรวยต้องการจะเล่นการเมือง แต่ผมรักประชาชน ผมรักประเทศชาติ อยากจะทำสิ่งที่ดีให้แก่พวกเขา


ผมเป็นคนหัวปฏิวัติมาก ๆ ผมต้องการการปฎิรูป ผมได้ปฎิรูปอะไรมาหลายอย่าง ผมปฎิรูปกระทรวงต่างๆ ที่เคยอยู่มากว่า 100 ปี และเคยปฎิรูประบบกฎหมายให้ทันสมัยขึ้น

ไทม์ส - การสนับสนุนต่อตัวคุณในประเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร  หลังจากที่คุณออกมาแล้ว
 

ทักษิณ-ก็ลดลงบ้าง โดยเฉพาะในพื้นที่เมือง เพราะสำนักข่าวลำเอียงต่อต้านผม เอียงอยู่ข้างเดียวตลอดเวลา แต่ถ้าผมเคลียร์แล้วแรงสนับสนุนคงกลับมาอย่างรวดเร็ว การเลือกตั้งครั้งล่าสุดหลังการรัฐประหารแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าผมไม่ได้อยู่ที่นั่น ผมก็ยังคงได้ที่นั่งมากกว่า นี่ก็จะเป็นจริงอีกครั้งในการเลือกตั้งหนต่อไป ถ้าหากผมอยู่ที่นั่น ก็คงเป็นการกวาดเสียงข้างมากใหญ่กว่าที่เคยเป็น นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายตรงข้ามของผมถึงได้กลัผมมากและพยายามจะป้ายสีผมอยู่ตลอดเวลา พวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้ผมอยู่ห่างๆ

ไทม์ส์- คุณให้การสนับสนุนทางการเงินต่อกลุ่มเสื้อแดงอย่างไร
 

ทักษิณ-ถ้าคุณไปที่นั่นแล้วคุยกับพวกเสื้อแดง คุณจะเข้าใจได้ดีว่าพวกเขามาด้วยเงินของตัวเองกันอย่างไร ช่วยซึ่งกันและกันอย่างไร บริจาคกันคนละเล็กคนละน้อยเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ รวบรวมเงิน ช่วยกันเองได้มาก น่าทึ่งทีเดียว ไม่เหมือนกับพวกเสื้อเหลือง ที่มาจากทหารที่เข้ายึดสนามบิน (สุวรรณภูมิ ในปี 2008)


ไทม์ส- คุณต้องให้บ้างสิ คุณเป็นเศรษฐีพันล้านนี่

ทักษิณ-ไม่นะ ทรัพย์สินทั้งหมดนั่นถูกอายัดไว้


ไทม์ส- แต่ไม่ทั้งหมด คุณต้องมีเงินอยู่บ้างนอกประเทศ
 

ทักษิณ-ก็มีบ้าง ไม่มาก


ไทม์ส-มูลค่าสุทธิเท่าไหร

ทักษิณ- นอกประเทศก็มีสักร้อยล้านดอลลาร์ หรือสองสามรอยล้านดอลลาร์ จริงๆแล้วร้อยล้านนะ


ไทม์ส - ตกลง สองสามร้อยล้าน หรือ ร้อยล้านกันแน่
 

ทักษิณ -ผมเคยมีอยู่สองสามร้อยล้าน (เกือบหมื่นล้านบาท-ผู้แปล) แต่ผมใช้เงินไปกับบ้าน โน่นนี่ ก็คงเหลืออยู่สักร้อยล้าน

ไทม์ส-  แล้วจะหมดเมื่อไหร่
 

ทักษิณ-ผมไม่รู้ ตอนนี้ผมทำงานแล้วนะ ผมกำลังทำธุรกิจ ผมไม่สามารถนั่งอยู่นี่เฉยๆแล้วก็ใช้จ่ายไปอย่างเดียว ผมกำลังทำธุรกิจ ลงทุน มมีเหมืองทอง 10 เหมืองในอูกันดา มีใบอนุญาตออกล็อตเตอรี่ในอูกันดา ในฟิจิ ในอังโกลา เราคงเริ่มกันในเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ แล้วผมก็มีใยบอนุญาตทำเหมืองทอง ซึ่งดูมีอนาคตดีมาก แล้วตอนนี้ก็กำลังเซ็นสัญญาสัมปทานเหมืองทองในปาปัวนิวกีนี เหมืองบนบก ผมทำธุรกิจเพชรดิบ เพชรเจียรนัย ด้วย ผมตัดสินใจไม่ทำเหมืองเพราะเสียงเกินไป อยากได้กำไรกลับมาเร็วๆ


ไทม์ส -อะไรคือการสนับสนุนของคุณต่อพรรค"เพื่อไทย"คุณทำอะไรให้พรรคนี้

ทักษิณ-ตัวผมเองเป็นจุดขายของพรรค บางครั้งผมก็ต้องคุยกับผู้สนับสนุนผมหลายครั้งหลายคราว เช่น ทุกวันอังคาร ผมจะพูดออกอากาศทางวิทยุผ่านอินเตอร์เน็ท


ไทม์ส -คุณหย่าภรรยาเมื่อไม่กี่ปีก่อน บางคนบอกว่านั่นเป็นแผนทางการเมือง แผนทางกฎหมาย เพื่อปกป้องทรัพย์สินของคุณ

ทักษิณ-ภรรยาผมเข้าใจว่า ผมมีผู้สนับสนุนมาก และผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะกลับไปเล่นการเมืองได้เพราะผู้สนับสนุนตั้งความหวังกับผม และจริง ๆ แล้ว เธอไม่สนับสนุนผมให้เล่นการเมืองแต่แรกแล้ว เพราะเธอมาจากครอบครัวมีชื่อเสียงมาก ๆ 


เธอไม่ค่อยออกไปไหนกับผม โดยเฉพาะต่างประเทศ เธอไม่เคยตามผมไป เธอต้องการจะใช้ชีวิตอย่างเรียบ ๆ เธอไม่ชอบการเมืองเลย แต่เธอเข้าใจว่า ผมต้องกลับไปเล่นการเมือง ดังนั้นเธอจึงบอกว่า"ฉันไม่สามารถห้ามคุณเรื่องการเมืองได้อีกแล้ว เพราะฉันเห็นใจคนที่สนับสนุนคุณ แต่คุณต้องเห็นใจฉัน ฉันแบกรับไม่ไหวอีกแล้ว มันมากเกินไปสำหรับชีวิตฉัน ดังนั้นเราควรจะหย่ากันดีกว่า "

เธอบอกว่าได้โปรด "ฉันไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว" ตอนนี้เธออยู่เมืองไทยและนับตั้งแต่หย่ากัน เราก็ไม่เคยพบหน้ากันอีกเลย



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์