กรณ์” โผล่เป็นม้ามืดลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม

เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะกรรมการคัดเลือกพิจารณาผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์

ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯ โดยเชิญผู้แสดงความจำนงในการลงสมัคร ที่เหลืออีก 2 คน มาแสดงวิสัยทัศน์ คือนายอภิชัย เตชะอุบล และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ อดีตกรรมการบริหารพรรค โดยหลังการประชุมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 

รายงานข่าวจากที่ประชุมแจ้งว่า หลังจากที่คณะกรรมการรับฟังการแสดงวิสัยทัศน์เสร็จสิ้น ได้มีการประชุมเพื่อวิเคราะห์ถึงจุดอ่อนและจุดแข็งของผู้เสนอตัวทั้ง 4

โดยเห็นว่าในส่วนของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. มีจุดแข็งเป็นคนทำงาน ไม่มีความขัดแย้ง ที่แม้ว่าจะเป็นคนเก่าที่สานงานต่อได้ ก็ต้องยอมรับว่าการทำงานที่ผ่านมามีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ส่วนนายประกอบ จิรกิติ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นั้นมีปัญหาอ่อนประชาสัมพันธ์ เพราะเป็นรองผู้ว่าฯกทม.มาถึง 1ปี แต่ไม่มีใครรู้เลยว่ามีผลงานอะไร และในการแสดงวิสัยทัศน์ก็ถือว่าเข้าตาระดับหนึ่ง เพราะได้เสนอแนวคิดด้านวิศวกรรมในการทำให้กทม.เป็นระเบียบ

รายงานข่าว ระบุว่า ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ถือว่านำเสนอเก่งมาก อธิบายให้กรรมการเข้าใจว่า หากฝนตกแล้วทำอย่างไรกทม.จะรถไม่ติด
 
ซึ่งหากเดินตามที่นายกอร์ปศักดิ์เสนอก็จะแก้ปัญหาได้ ส่วนนายอภิชัยมีข้อดีที่มีมาดเป็นนักธุรกิจ และได้ชูสโลแกน “ทันใจ ทันสมัย ใกล้ชิด” เน้นทำกิจกรรมร่วมกับชุมชม และคนเมือง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการคัดเลือกได้มีการประเมินภาพรวมว่า ขณะนี้ความนิยมในตัวพรรคประชาธิปัตย์มีมากกว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคจะส่งใครลงสมัครก็มีโอกาสชนะพรรคเพื่อไทย เพราะคนกทม.ไม่ชอบพรรคเพื่อไทยและคนเสื้อแดง แต่คณะกรรมการเป็นกังวลว่า หากพรรคเพื่อไทยเล่นเกมด้วยการไม่ส่งใครลงสมัครในนามพรรค แต่หันไปสนับสนุนผู้สมัครในนามอิสระ เช่นกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร. อาจจะประกาศลงในนามอิสระ ก็จะทำให้พล.ต.อ.พงศพัศ ได้คะแนนจากทั้งพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง และคะแนนจากคนกทม. ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร ซึ่งจะถือว่า จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์เสียคะแนนในส่วนนี้

รายงานข่าว ยังระบุอีกว่า จากการประเมินสถานการณ์ดังกล่าว
 
ทำให้ที่ประชุมมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากเสนอชื่อนายกรณ์ จาติกวนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะมีความเหมาะสมในการลงสมัคร โดยนายกรณ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธ โดยระบุเพียงว่าแล้วแต่มติของกรรมการบริหารพรรค นอกจากนี้นายกรณ์ยังเปิดใจในช่วงท้ายของการประชุมด้วยว่า ที่ผ่านมาได้เคยประสานให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เสนอตัวลงสมัคร เพราะมีความสด ใหม่ และไม่เคยลงสมัครผู้ว่ามากว่า อีกทั้งยังไม่ค่อยมีปัญหากับใคร แต่นายองอาจเกรงใจ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จึงไม่กล้าที่จะเสนอตัวเอง แต่หากพรรคมีมติก็พร้อมปฏิบัติตามมติพรรค ส่วนสาเหตุที่นายกรณ์ไม่ได้เสนอตัวก่อนหน้านี้ เป็นเพราะเกรงใจม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เช่นกัน

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการคัดเลือกได้ประเมินถึงเสียงสนับสนุนพบว่า ในคณะกรรมการคัดเลือกต่างสนับสนุนนายกรณ์ เพียงแต่ตามข้อบังคับพรรค
 
เมื่อนายกรณ์ไม่เสนอตัวในกระบวนการคัดเลือก ก็ไม่สามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาได้ แต่ในชั้นกรรมการบริหารพรรคที่ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายสามารถหยิบยกชื่อบุคคลอื่นขึ้นมาพิจารณาได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคว่าจะมีแนวคิดเดียวกับคณะกรรมการคัดเลือกหรือไม่ แต่ก็น่าสังเกตว่าคณะกรรมการคัดเลือกส่วนใหญ่ก็เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคด้วย และในการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้ที่เป็นกรรมการคัดเลือกอยู่ด้วยก็จะถือโอกาสเสนอชื่อนายกรณ์ในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคด้วย