มาร์คอวดปชป.นำพาชาติพ้นวิกฤต คุยนโยบายบรรลุเป้า

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปาฐกถาพิเศษถึงแนวทางการดำเนินงานทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์
 
ในการจัดประชุมใหญ่สามัญของพรรค ประจำปี 2554/1 เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 26 มีนาคม ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ หลักสี่ กรุงเทพฯ ตอนหนึ่งถึงการยุบสภาว่า สำหรับการยุบสภา ความจริงรัฐบาลมีสิทธิที่จะอยู่ถึงสิ้นปี แต่ก็ตัดสินใจจะยุบ โดยจะยุบไม่เกินสัปดาห์แรกของเดือนพฤษภาคม แต่จะเป็นวันใด ยังไม่รู้ แต่อย่าไปเชื่อหนังสือพิมพ์ที่บอกว่าวันนั้นวันนี้ ทั้งนี้ ตนเตือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปแล้วที่ระบุว่า วันที่ 10 พฤษภาคม คงไม่ใช่ เพราะสัปดาห์หนึ่งมี 7 วัน ทั้งนี้ พรรคได้ทำแผนยุทธศาสตร์ 4 ปี ซึ่งก็รอ ส.ส.เข้ามาช่วยกันทำแผน เพราะเห็นว่าที่มีอยู่นี้ยังน้อยเกินไป ถ้าเอามาอีก 80-90 คน จะขับเคลื่อนพรรคได้สมบูรณ์ในอีก 4 ปีข้างหน้า


นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ถูกถามเสมอว่าทำไมถึงตัดสินใจจะยุบสภาในช่วงดังกล่าว ขนาดคนที่เคยเรียกร้องให้ยุบสภายังถาม
 
ซึ่งการตัดสินใจเรื่องนี้ ตนมองถึงการพัฒนาประเทศเป็นหลัก 2 ปีที่ผ่านมาที่พรรคเข้ามาเป็นรัฐบาล อาจดูเหมือนรัฐบาลประชาธิปัตย์ในอดีตที่เข้ามาตอนบ้านเมืองเดินไม่ได้ เหมือนสมัยปี 2540 หรือกันยายน 2535 หรือสมัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช นายควง อภัยวงศ์ แต่ 2 ปีที่ผ่านมา พรรคได้นำพาประเทศผ่านช่วงที่ยากที่สุดไปได้ ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจโลก และวิกฤตการเมืองในประเทศ จึงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้พาบ้านเมืองผ่านวิกฤตใหญ่มาได้ครั้งหนึ่ง ขณะนี้ไม่มีใครกังวลเรื่องเศรษฐกิจไทยหลุดพ้นไปจากวิกฤตแล้วหรือยัง เพราะตัวเลขการส่งออก การท่องเที่ยว การขยายตัวเศรษฐกิจ พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า 2 ปีที่ผ่านมาหลายคนอาจมองว่าเป็นความสำเร็จ มีคนมายินดีด้วย เพราะไม่คิดว่าจะอยู่เกิน 3-6 เดือน
 
แต่ตนคิดว่าความสำเร็จจริงๆ คือการผลักดันนโยบายสำคัญๆ สำเร็จหลายเรื่อง ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนรอคอยมานานแล้ว แล้วไม่รู้ว่าจะได้จริงหรือไม่ ทั้งที่หลายพรรคพูด แต่พรรคประชาธิปัตย์ทำได้ เช่น นโยบายเรียนฟรี 15 ปี รวมถึงเบี้ยผู้สูงอายุ 500 บาท และเบี้ยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ซึ่งชาวประชาธิปัตย์ภาคภูมิใจทำให้เกิดขึ้นได้สำเร็จ


นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นโยบายการประกันรายได้ที่พรรคมาทำเป็นพรรคแรก ก็ทำได้สำเร็จจริงจากเดิมที่มีการจำนำ แต่ระบบประกัน ใช้การขึ้นทะเบียนและได้รับการชดเชย แม้ปัญหาจะมีบ้าง แต่ก็ผลักดันมาจนสำเร็จ ทำให้ชนบทไทยมีความมั่นคงมากขึ้น คนเริ่มกลับสู่ท้องถิ่น มีเงินต่อบัญชีเพิ่มขึ้น ถือเป็นดัชนีสำคัญในการยืนยันว่าพรรคทำนโยบายได้สำเร็จ



นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคคงต้องเหนื่อยมากเป็นพิเศษ ใครจะบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทยจะชนะสบายๆ ไม่จริง
 
แต่ของจริงคือ การเลือกตั้งจะสูสีมาก สมาชิกพรรคจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พูดและทำอย่างเป็นเอกภาพ ตนก็เชื่อมั่นว่าประชาชนจะสนับสนุน เพราะนั่นคือประโยชน์ที่จะเกิดกับตัวเขาเอง ที่ผ่านมาประชาธิปัตย์เสียงดีทุกครั้งแต่ไม่ได้คะแนนมา ฉะนั้นการรณรงค์เลือกตั้งต้องทำเป็นระบบ มีเอกภาพ มีวินัย


"เชื่อเลยว่าคู่แข่งจะทำทุกรูปแบบ และชัดเจนว่าใช้พรรคคู่ขนานไปกับการเคลื่อนไหวมวลชน ซึ่งจะถูกหรือผิดกฎหมายไม่ทราบ แต่เขาทำแน่ แต่เราไม่ต้องโอดครวญว่าสกปรกหรือไม่ เอาเปรียบหรือไม่ เพราะไม่ใช่วิสัย แต่มีหน้าที่สู้ เพราะต้องการให้ประเทศเดินหน้า จะไม่ยอมให้ใช้วิธีการข่มขู่ คุกคาม ใช้ความรุนแรง มากำหนดอนาคตประเทศ เพราะต้องการเสียงที่แท้จริงของประชาชนมากำหนดอนาคตประเทศ" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า คู่แข่งของพรรค วาระเยอะมาก ไม่รู้ว่าวันนี้หรือวันหน้าหัวหน้าตัวจริงของคู่แข่งต้องการอะไร บางทีพูดถึงประชาชน แต่สุดท้ายก็วกกลับที่เดิม ตนถึงได้ย้ำว่าจะเดินหน้าหรือเดินวน เดินหน้าไปสู้ของแพงด้วยกัน หรือจะวนอยู่กับการชุมนุม การรัฐประหาร ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะส่งใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี


นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า เมื่อเช้าได้เดินทางไปอวยพรวันเกิดช่อง 3 เผอิญเจอนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา
 
ซึ่งเชิญว่า ก่อนเลือกตั้งขอเชิญมาออกรายการ ตนก็บอกว่าดี แต่ให้พรรคคู่แข่งมาออกด้วย ให้นายสรยุทธโทรศัพท์ไปดูไบเลยก็ได้ว่าจะเอาใครมา เพราะประชาชนจะได้เห็นว่าคนที่จะมาบริหารต่อไปมีความคิดอย่างไร มีแก่นอย่างไร ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อไปเรื่อยๆ แต่ต้องมาถกกันว่าทำได้จริงหรือไม่ หากมีปัญหาเกิดขึ้นจะให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน นี่คือความงดงามของประชาธิปไตยและการเลือกตั้งที่ประชาชนพึงจะได้ นี่คือแนวทางที่พรรคยึดมาตลอดเพื่อให้ตรงกับความต้องการของประชาชน



เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์