ทักษิณ ชินวัตร จะไม่ต่อสู้ในสงครามที่ไม่ชนะ!

เหลี่ยมลื่นฟื้น ´ขวาพิฆาตซ้าย´? จากเนชั่นสุดสัปดาห์

ในอดีต เคยมีคำกล่าวที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะไม่ต่อสู้ในสงครามที่ไม่ชนะ!
ฉะนั้น การเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ในฐานะหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หมายเลข 1

นั่นหมายถึง เขาพร้อมจะดำรงนายกรัฐมนตรี คนต่อไป โดยไม่สนใจไยดีต่อเสียงตะโกน ´ท้ากกก..ษิณ ออกไป´

นั่นหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ว่าสงครามต้าน ´ขบวนการไม่เอาทักษิณ´ ครั้งนี้ เขาต้องชนะ!




ที่แน่ๆ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ณ ท้องสนามหลวง ในวันศุกร์ที่ 3 มีนาคม ต่อหน้าประชาชนเรือนแสน เพื่อประกาศตัวเป็นแกนนำในการปฏิรูปการเมือง และปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศภายหลังได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาอีกครั้ง

โดยก่อนหน้าการปราศรัยใหญ่ ทีมงานพรรคไทยรักไทย ได้เตรียมการระดมประชาชนตามเขตต่างๆ ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง ให้ได้จำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่า 2 แสนคน

มันเป็นทฤษฎีการตลาดการเมือง ที่จะนำตัวเลขผู้ชุมนุมมาเกทับอีกฝ่ายหนึ่งได้ ซึ่งทฤษฎีเกณฑ์ม็อบมาให้ได้มากที่สุด เพื่อเกทับม็อบฝ่ายตรงข้าม เป็นวิธีการที่ประเทศฝรั่งเศสใช้กัน ซึ่งถ้าทำได้มากเท่าไหร่ จะสะท้อนถึงชัยชนะที่จะได้รับมากเท่านั้น

นอกจากเกมม็อบเกทับม็อบแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเปิดเกมไปรษณียบัตรเพื่อสันติ เชิญชวนให้ประชาชนส่งไปรษณียบัตรมาที่ ตู้ ปณ.888 ปณ.ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพฯ 10302 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ว่ารักประชาธิปไตยและรักความสันติของสังคม

"เพื่อให้ประชาชนเห็นว่านี่คือประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ต้องการเห็นสันติ ต้องการเห็นประชาธิปไตย อยากให้ส่งมาให้เร็วที่สุด ถ้าได้ก่อนวันที่ 5 มีนาคมก็ยิ่งดี"

จะเห็นได้ว่าทั้งสองเกมนี้ ล้วนแต่มีเป้าหมายอยู่ที่ ´จำนวน´ ของความรักความภักดีที่มีต่อพรรคไทยรักไทย และตัวหัวหน้าพรรค

อย่างตอนหนึ่งในคำกล่าวเปิดการประชุมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ระหว่างเปิดการประชุมประธานสภาเทศบาล นายกเทศมนตรี และปลัดเทศบาลทั่วประเทศ

"หากผมลาออกไปดื้อๆ ก็ถือว่าเป็นมวยล้ม และจะทำให้คนที่เชียร์ทั้งหลายเสียใจ เพราะอยู่ๆ ก็มาลาออก ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภาฯ

"ตราบใดที่ประชาชนคิดว่าอยากใช้ผมทำงานอยู่ ผมก็พร้อมจะทุ่มเทสุดกำลังความสามารถ และสุดหัวใจ แต่ถ้าประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็เป็นระบบประชาธิปไตยที่ต้องยอมรับ จึงอยากบอกให้นักประชาธิปไตยทุกคนรับรู้ว่า การตัดสินใจยุบสภาฯ คือการคืนอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง"

ขณะที่กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย กลับมองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังทำให้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการตรวจวัดความนิยม ความศรัทธาต่อตัวเขา และพรรคไทยรักไทย

คล้ายกับแนวคิด ´ประชาธิปไตยรวมศูนย์´ ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่ประธานเหมา เจ๋อ ตง เคยเสนอว่า "อันประชาธิปไตยนั้น บางครั้งดูๆ ก็คล้ายจะเป็นจุดมุ่งหมาย แต่โดยความจริงแล้ว เป็นเพียงวิธีการชนิดหนึ่ง"

ทั้งหมดนี้เป็นทฤษฎีเกมการตลาด ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินว่า ´จำนวน´ ผู้สนับสนุน จะเป็นปัจจัยชี้ขาดของการต่อสู้ทางการเมือง เพื่อรักษาบัลลังก์อำนาจ




อีกด้านหนึ่งที่ไม่ใช่ฝ่ายต้านนายกฯ ทักษิณโดยตรง แต่มีบทบาทในการกำกับดูแลการเลือกตั้งมาตลอด อย่าง สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานเครือข่ายพีเน็ตเฉพาะกิจ กลับมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีความชอบธรรม

เพราะไม่มีการแข่งขันตั้งแต่ต้น ซึ่งจะทำให้เกิดความรุนแรงตามมา และการเลือกตั้งไม่ทำให้สถานการณ์ที่วุ่นวายสงบลง

พรรคไทยรักไทย คงได้ 500 เสียงเต็มสภาฯ แต่มันมีกฎอยู่ว่า อะไรที่ใหญ่สุด จะทำลายตัวเอง เนื่องจากสภาฯ ไม่สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ ประชาชนขาดความหวังที่จะพึ่งสภาฯ ได้ ก็จะเกิดความรุนแรงกว่าเดิม และหลังเลือกตั้ง รัฐบาลก็คงจะอยู่ได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น

"ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ มักอาศัยสภาพความที่ตนได้เปรียบอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว ผู้ชุมนุมอยู่ในสภาพที่เท่าเทียม พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลำบาก และโงหัวไม่ขึ้น คิดอะไรมาแต่ละอย่าง ก็ไม่เข้าท่า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดปราศรัยวันที่ 3 มีนาคม หรือการเปิด ตู้ ปณ.888 รับจดหมายจากประชาชน นายกฯ ทำอะไรไม่ได้เลย

"ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ขืนอยู่ต่อไปก็บริหารบ้านเมืองไม่ได้ เพราะเกิดความปั่นป่วนขึ้นในบ้านเมือง ซึ่งทางพรรคไทยรักไทยน่าจะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนตัวผู้นำ สังคมก็จะสงบขึ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ควรลาออกจากตำแหน่งนายกฯ"


จริงๆ แล้ว บรรยากาศในสังคมไทยวันนี้ ก็เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางความคิดแบบ ´สังคมสองขั้ว´ ไม่ต่างอะไรกับยุค ´ขวาพิฆาตซ้าย´ ปี 2518-2519



ไม่ต่างอะไรกับการเผชิญหน้าระหว่าง ´ลูกเสือชาวบ้าน´ กับ ´นักศึกษาหัวเอียงซ้าย´

และจุดแตกหักของความขัดแย้งทางความคิดได้นำไปสู่การนองเลือดเมื่อ วันที่ 6 ตุลาคม 2519

น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ก็มีส่วนรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ยังจะคิดให้อดีตย้อนกลับมาซ้ำรอยด้วยความเจ็บปวดของคนทั้งชาติอีกหรือ?

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์