พันธมิตรเมิน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชุมนุมต่อ ลั่นหมัก ไม่ออกไม่เจรจา

พันธมิตรฯ ไม่สนใจ "พ.ร.ก.ฉุกเฉิน" ยืนยันชุมนุมต่อ ปัดข้อเสนอ "อนุพงษ์" ขอเจรจา ย้ำเงื่อนไขนายกฯ ต้องลาออกสถานเดียว ดึงแนวร่วมวัยโจ๋ น.ศ.แห่ขึ้นเวที ปลุกระดมมวลชนคุ้มครอง "เอเอสทีวี" หวั่นถูกปิด
 
ภายหลังจากที่รัฐบาลโดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศใช้พระราชกำหนดบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จุดยืนของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงยืนยันให้นายกฯ ลาออก เมื่อเวลา 15.40 วันที่ 2 กันยายน นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ให้สัมภาษณ์ว่า พันธมิตรจะยอมเจรจาก็ต่อเมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับเงื่อนไขของพันธมิตรเท่านั้น นั่นคือรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ต้องลาออก
 
ขณะที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เวลา 18.00 น. ว่า ตนเชื่อในสิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์พูด

เพราะแสดงให้เห็นว่าไม่ปฏิบัติคำสั่งของนายสมัครถึง 2 ครั้ง ครั้งแรก ตอนเช้า ที่ไม่ปิดเอเอสทีวีตามคำสั่งของนายสมัคร และไม่รู้ว่า พล.อ.อนุพงษ์จะเข้ามาเจรจาเมื่อไร แต่จุดยืนพันธมิตรคงเดิม คือจะไม่เจรจาจนกว่านายสมัครจะลาออก ส่วนที่ระบุว่า พรุ่งนี้ (3 ก.ย.) จะเป็นจุดจบของรัฐบาล เป็นเพียงการมองโลกในแง่ดีของตน เป็นเพียงการให้ความหวังกับตัวเอง

ในช่วงบ่ายเวลา 13.45 น. นายสนธิกล่าวบนเวทีอีกครั้งว่า เชื่อว่าทหารจะไม่ทำร้ายประชาชน ขอเรียกร้องให้ประชาชนที่อยู่ต่างจังหวัดมาร่วมกันช่วยบ้านช่วยเมือง และเรื่องราวต่างๆ จะคลี่คลาย 
 
ขณะเดียวกัน หลังจากที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลงว่า จะไม่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรที่อยู่ในทำเนียบ แต่จะใช้การเจรจา ทำให้บรรยากาศการชุมนุมภายในทำเนียบผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น หลังจากตึงเครียดมาตลอดทั้งวัน และตั้งแต่เวลา 15.00 น. มีประชาชนทยอยเดินทางไปร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า และล้นออกไปจนถึงลานจอดรถทางประตู 5 จนต้องตั้งเต๊นท์เพิ่มเติม โดยมีนักเรียนและนักศึกษาจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ เข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรอย่างหนาตาด้วย อาทิ คณาจารย์และนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกว่า 50 คน ที่ถือป้ายเดินขบวนให้กำลังใจพันธมิตร รวมทั้งมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา มหาวิทยาลัยรามคำแหง และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยสวมชุดนักศึกษาทยอยขึ้นเวที เรียกร้องให้นักศึกษาทั่วประเทศออกมาร่วมชุมนุมกับพันธมิตร และขับไล่รัฐบาล และในช่วงหัวค่ำก็ยังมีประชาชนจากต่างจังหวัดทยอยมาร่วมชุมนุมอย่างต่อเนื่อง
 

 
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล ประตู 5 เกิดเหตุแก๊สหุงต้มของรถเข็นขายกาแฟระเบิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ

สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ชุมนุมที่ชุมนุมที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย สามารถเข้าระงับเหตุโดยพ่นสารดับเพลิงและดับไฟได้ภายใน 10 นาที ขณะเดียวกัน เกิดเหตุปั๊มน้ำประปาภายในทำเนียบมีปัญหาจนใช้การไม่ได้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจว่า รัฐบาลตัดน้ำ-ตัดไฟ แต่เมื่อตรวจสอบพบว่าเหตุเกิดจากปั๊มน้ำประปาเกิดเหตุขัดข้อง จึงให้ช่างประปามาซ่อมแซมจนใช้ได้ภายใน 1 ชั่วโมง

พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตร ขึ้นเวทีขอความเห็นจากผู้ชุมนุมว่าจะยังชุมนุมต่อไปหรือไม่ ซึ่งมีเสียงโห่ร้องตอบรับกลับมาทันที พล.ต.จำลองจึงกล่าวว่า "ในเมื่อมีมติเป็นเอกฉันท์ ดังนั้น เราจะอยู่สู้ต่อไป

หลังรัฐบาลประกาศสภาวะฉุกเฉินเชื่อว่า ขั้นแรก จะมีการบุกเข้ามาจับกุมแกนนำ แต่เมื่อแกนนำถูกจับไปแล้ว ก็จะมีคนและองค์กรต่างๆ มาชุมนุมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ขอให้พี่น้องอดทนกันอีกนิด เชื่อว่าทุกอย่างจะจบภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้อย่างแน่นอน ขอรับรองว่าเราจะต้องชนะแน่นอน" พล.ต.จำลองกล่าว และว่า มติของแกนนำ จะไม่เรียกร้องทหาร ไม่ชม ไม่ด่า ไม่สนใจ จะทำอะไรหรือไม่ทำก็เรื่องของคุณ แต่เรื่องพันธมิตรคือการกู้ชาติ 

   
ด้านนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตร ร่วมแถลงข่าวที่ห้องสื่อมวลชน ว่าแกนนำพันธมิตรหารือและได้ข้อสรุปว่าเราจะปักหลักชุมนุมต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

นั่นคือนายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ และ ครม.ชุดนี้จะต้องลาออก และไม่มีรัฐบาลที่มาจากพรรคพลังประชาชน ส่วนที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นเกิดจากการสร้างสถานการณ์ของรัฐบาลจนเกิดความรุนแรง เห็นได้ชัดว่าตำรวจเปิดทางให้ นปช.เข้ามา เพื่อที่จะปราบปรามประชาชน ถือเป็นการยกระดับการต่อสู้ของรัฐบาล

 
"เป็นแผนของนายสมัคร ที่จะให้ประชาชนเผชิญหน้ากับทหาร ถ้า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ระมัดระวังในการใช้อำนาจ จะไม่ต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 2516 หรือพฤษภาทมิฬ ปี2535 ถ้าหากรัฐบาลใช้กำลังสลายการชุมนุมจนเกิดความสูญเสียก็จะถือเป็นรัฐบาลทรราช ที่จะทำให้ประชาชนต้องขับไล่มากยิ่งขึ้น" นายพิภพกล่าว
 
ด้านนายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหประชาชาติ กล่าวบนเวทีปราศรัยที่ทำเนียบ ว่าอยากเขียนจดหมายถึงคุณหญิงสุรัตน์ ภริยานายสมัคร เพื่อขอให้นำตัวนายสมัครกลับไปทำกับข้าวที่บ้าน ดีกว่าจะมาทำกับข้าวเปื้อนเลือด

เพราะเคยเปื้อนเลือดมาจากเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 และพฤษภาทมิฬ หากเดือนกันยายนนี้จะเป็นคนทำให้เกิดเหตุนองเลือดอีก เกรงว่าผลกระทบจะไปตกอยู่กับคุณหญิงสุรัตน์ และบุตรสาวฝาแฝดทั้ง 2 คนด้วย  เมื่อเวลา 10.00 น. บริเวณบ้านพระอาทิตย์ที่ตั้งสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี มีกระแสข่าวว่าทหารและ นปช.จะปิดสถานีโทรทัศน์เอไอเอสทีวี ทำให้กลุ่มพันธมิตรที่วางกำลังไว้อยู่เดิมและที่เข้ามาเสริม 200-300 คน วางกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าออกสถานีเอเอสทีวี โดยมีการตรวจตราผู้เข้าออกสถานที่ดังกล่าวอย่างเข้มงวด กระทั่งเวลา 13.30 น. กลุ่มพันธมิตรได้ทำการปิดถนนพระอาทิตย์ทั้งเส้น ซึ่งมีความยาว 3 กิโลเมตร โดยนำยางรถยนต์และลวดหนามมาปิดถนนไว้เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่เข้าปิดการออกอากาศ หลังมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อรักษาความปลอดภัยและพยายามให้รถที่จอดอยู่ในบริเวณดังกล่าวเคลื่อนย้ายออกไป


ขณะที่พิธีกรบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาลประกาศว่า เริ่มมีการตัดสัญญาณเคเบิลทีวีในต่างจังหวัดบ้างแล้ว

หากมีการตัดสัญญาณเอเอสทีวี พันธมิตรก็จะไปตัดไฟบ้านนักการเมืองรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นบ้านของนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ขณะที่ในช่วงบ่าย สัญญาณการถ่ายทอดสดการชุมนุมในทำเนียบผ่านโทรทัศน์เอเอสทีวีมีปัญหา โดยสัญญาณขาดหายไปเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการชุมนุมพันธมิตร ภายในทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าวันที่ 2 กันยายน หลังเกิดเหตุปะทะกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และหลังมีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทางแกนนำพันธมิตรได้หารือกันเป็นการเร่งด่วนเพื่อหามาตรการตอบโต้ ขณะที่ผู้ชุมนุมเริ่มทยอยออกจากทำเนียบ ส่วนหนึ่งกลับไปทำงาน แต่มีส่วนหนึ่งเกรงว่าอาจเกิดเหตุการณ์รุนแรงหลังประกาศภาวะฉุกเฉิน ทำให้ผู้ชุมนุมในช่วงเช้าค่อนข้างบางตา ทางแกนนำหลายคนจึงต้องขึ้นเวทีปราศัยเรียกร้องให้ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯและรอบๆ ร่วมชุมนุม


โดยนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร กล่าวบนเวทีว่า การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องการดึงทหารเข้ามาปราบปรามประชาชน พี่น้องที่เคยชุมนุมร่วมกันมาตลอด

หากยังเชื่อและศรัทธาว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง ก็ต้องออกมาร่วมชุมนุม ไม่ใช่ดูอยู่แค่ที่หน้าจอทีวี หรือบนโต๊ะอาหาร หากเราต้องการแผ่นดินที่มีศีลธรรมจริยธรรมกลับคืนมา แสงสว่างจะเริ่มเห็นก็ต่อเมื่อพวกเรามาชุมนุมกัน ดังนั้นขอให้ประชาชนออกมาทำในสิ่งที่เชื่อและศรัทธา ขอให้ออกมาร่วมชุมนุมกัน

ขณะที่นายศรัณยู วงษ์กระจ่าง พิธีกรบนเวทีก็เชิญชวนให้คนทางบ้านออกร่วมชุมนุมอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเชิญชวนดาราให้ออกมาร่วมกับกลุ่มพันธมิตร

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์