เพื่อไทย..ตั้ง กมธ.ตรวจการใช้เงินกู้-ให้รายงานสภาทุก 3 เดือน

วันที่ 29 พ.ค. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ประธานวิปฝ่ายค้าน นำรายชื่อ 42 ส.ส. เสนอญัตติด่วนต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่าน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาตรวจสอบ ติดตามการใช้เงินตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอ

ประกอบด้วย พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท, ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 5 แสนล้านบาท , ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยจัดตั้งกองทุนรักษาเสถียรภาพทางด้านการเงิน เพื่อรักษาสถานภาพทางด้านเศรษฐกิจอีก 4 แสนล้านบาท

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ด้วยหลักเสียงข้างมากคงยากที่ฝ่ายค้านจะไปคัดค้าน ทำได้เพียงแต่ตั้งข้อสังเกตและข้อเสนอแนะ โดยพบว่าการตรา พ.ร.ก.ดังกล่าวนั้นไม่มีการรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ มีเพียงแต่แผนงานคร่าวๆ ในการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะงบประมาณเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ซึ่งจำนวน 6 แสนล้านที่ใช้ในการเยียวยาฝ่ายค้านไม่ติดใจ

แต่มีส่วนที่ต้องติดตามรายละเอียด โดยเฉพาะการนำไปใช้แก้ไขปัญหาด้านสาธารณสุข จำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท เป็นไปในลักษณะเหมือนกับงบประมาณลงทุน และยังมีอีก 4 แสนล้านที่เป็นงบประมาณฟื้นฟู โดยกรอบที่รัฐบาลกำหนดยังมีหลายฝ่ายที่ยังมีข้อสงสัย เห็นแล้วมีความเป็นห่วงเรื่องการใช้เงิน เพราะไม่มีรายละเอียดให้ตรวจสอบ

พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นตรงกันว่าการตรวจสอบติดตามในรูปแบบของการตั้ง กมธ.วิสามัญตรวจสอบการใช้เงินกู้ จะช่วยให้ติดตามและตรวจสอบการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนั้นจะเสนอ พระราชบัญญัติแก้ไขพระราชกำหนด โดยจะมีเนื้อหาให้มีกลไกลในการตรวจสอบการใช้เงินเพื่อความโปร่งใส เช่น คุณสมบัติคณะกรรมการกลั่นกรอง ต้องกำหนดคุณสมบัติเงื่อนไขของผู้ทรงคุณวุฒิเอาไว้ให้ชัดเจนและจะเสนอให้เพิ่มจำนวน ส.ส.เข้าไปร่วมทำหน้าที่ในคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินด้วย

เสนอให้มีการแก้ไขการประมูล จากเดิมที่จะไม่ใช้การประกวดราคาผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Biding) ต้องให้ประกวดราคาผ่าน E-Bidding เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และเสนอให้มีการรายงานในรายละเอียดการใช้เงินต้องมารายงานสภา 3 เดือนต่อครั้ง จากเดิมที่กำหนดว่า ให้รายงานต่อสภา 60 วันหลังสิ้นปีงบประมาณ