วันนี้ ศาลได้เบิกตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯมาฟังคำพิพากษา ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่มีเหตุปรักปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้ต้องรับโทษ ทั้งศาลแพ่งได้พิพากษาให้ริบเงิน และทรัพย์สินจำนวน 43 ล้านบาทเศษของจำเลย ที่ได้จากการกระทำผิดตกเป็นของแผ่นดิน นอกจากนี้ ฟังได้ว่า จำเลยมีการใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือยเกินกิจของสงฆ์ นั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำ นำเงินไปซื้อรถยนต์หลายสิบคันที่ได้จากการฉ้อโกง โดยจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ข้อต่อสู้จำเลยฟังไม่ขึ้น เชื่อว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป พิพากษาให้จำคุกฐานฉ้อโกงประชาชน มาตรา 343 รวม 29 กระทงๆละ 3 ปี รวม 87 ปี , ฐานผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2542 ม.14(1) รวม 3 ปี และความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 12 กระทงๆ ละ 2 ปี เป็นจำคุก 24 ปี รวมจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 114 ปี แต่ตามกฎหมายเมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยได้ 20 ปี และให้ชดใช้เงินกับผู้เสียหาย 29 ราย รวม 28,649,553 บาท ตามจำนวนที่ได้ฉ้อโกงไป
ส่วนที่อัยการโจทก์ให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.2340/2560 ที่จำเลยถูกฟ้องฐานกระทำชำเราเด็กหญิงนั้น ศาลอาญายังไม่มีคำพิพากษาจึงให้ยกคำขอนับโทษต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะอยู่ในห้องพิจารณา นายวิรพล มีสีหน้ายิ้มแย้มได้ทักทายด้วยกับ ญาติธรรมประมาณ 10 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจและพูดล้อเล่นว่า ขอให้สบายใจได้ อยู่ในคุกสบายดี มีหลวงเลี้ยงข้าว มีทีว่างอีกเยอะมาอยู่ด้วยกันมั้ย ? ได้เจอเพื่อนใหม่เยอะแยะ ทั้งอดีตท่านเจ้าคุณ อดีต ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)หากต้องติดคุกหลายปีก็ทำใจได้ สบาย ๆหากทำใจไม่ได้ติดแค่วันเดียวก็เหมือนติดเป็นพันปี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับคดีชำเราเด็กหญิงที่นายวิรพล ตกเป็นจำเลยนั้น ศาลอาญาจะนัดพิพากษาใน เดือน ต.ค.นี้
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
